ผูกที่ ๖.กัณฑ์จุลพน ๓๕ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021
ผูกที่ ๘.กุกัณฑ์มาร ๑๐๑ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021
ผูกที่ ๗.กัณฑ์มหาพน ๘๐ พระคาถา

 ผูกที่ 7 กัณฑ์มหาพล

 

กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้องเรื่อง

 

                คจฺฉนฺโต ดส ภารทวาโช อทฺทส อจุตฺตํ อิสึ ทิสฺวาน ตํ ภารทฺวาโช สมฺโมทิ   อิสินา สห ดูราสัปปุริสาทั้งหลาย โส สวนดั่ง ภารทวาโช พราหมณ์ผู้นั้น คจฺฉนฺโต อันไปตามหนทางไกลบ่ฮู้ที่สุด อันนายพรานเจตตะบุตรหากบอก อทฺทส ก็เห็น อจุตฺตํ ยังเจ้าอจุตตะรัสสี สมฺโมทิ ก็มีใจชื่นชมยินดีกล่าวคำไมตรีอันหยิ่ง ถามหาสิ่งสวัสดี เชิ่งเจ้าอจุตตะรัสสีด้วยคำว่า กจฺจิ นุ โภนฺโต กุสลํ ดังนี้เป็นเค้า ข้าไหว้เจ้าพระรัสสี เจ้ากูมาอยู่ในคีรีเป้นครองอันบริสุทธิ์ กุสลํ อันว่าสภาวะอันหาพยาธิบ่ๆ ได้ คือว่าไข้สันนิบาตแลเจ็บหัว อนายํ อันว่าคำกลัว 2 ประการ ก็หาบ่ได้แก่พระบาทไท้จอมหัวก็ข้าลือ ยาเปถ เจ้ากูก็ค่อยยังชีวิตให้เป็นไปบ่ยากบ่ลำบากด้วยการคั่วแสวงหาก็ข้าลือ มุลฺลผลา หัวมันแลหมากไม้ ก็ยังค่อยได้พอฉัน ก็ข้าลือ ฑํสา จ มกสา เหลือกแลยุงยองของป่า งูพิษคั่วตะเดินดง หึสา คำกังวนในป่าแฮดฮ้ายคั่วราชสีห์ วารมิคฺคา สัตว์จั่งไฮแฮงตอด งูงอดคั่วดงดอน ก็บ่มาโคจรเข้าใกล้พระบาทไท้เป็นรัสสีก็ข้าลือ ตาปโส เมื่อนั้นบั้นเจ้าอจุตตะรัสสี อาห ก็กล่าวว่า กุสลยฺเจวเม ดั่งนี้เป็นเค้า พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ กุสลํ อันว่าเฮาพระบาทก็บ่ได้ต้องพยาธิอันใด ก็ยังค่อยสบายหายจากคำทุกข์ยาก 2 ประการนั้น แท้ดีหลี ฑํสา จ มกสา เหลือกแลยุงยอง ของป่าก็บ่มาคั่วใกล้ตนเฮา ยาเปมิ เฮาก็ยังชีวิตให้เป็นไปบ่ถอยหลัง ด้วยกำลังอันแสวงหาลูกไม้ก็ยังพอได้พอฉันบ่ขาด มูลผลา หัวมันแลลูกไม้ ก็ยังมีมากบ่ลำบากด้วยอันคั่วแสวงหา สิริสปา สัตว์ตัวฮีสาระพัดพิษ น วิชฺชติ ก็หาบ่ได้เพราะว่าเฮามาอยู่ป่าไม้แผ่ไมตรี หึสา อุปัททะวะอนตายแต่สัตว์ทั้งหลายมีราชสีห์เป็นเค้า ก็บ่เข้ามากระฮ้ายฮาวี ในคีรีข่วงเขต เหตุว่าเฮาพระองค์ทรงพรหมวิหารผายแผ่ฮอด บ่ขาดวันเวลา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ เฮามาอยู่ในภูผาป่าไม้ พร่ำว่าได้หลายปี นับดิถีแถวถ่อง สังกาสล่วงดิถี นาภิชานามิ เฮาก็บ่ได้ฮู้จักสภาวะอันเป็นพยาธิ ไข้สันนิบาตสิ่งอันใด พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ อาคตํ อันว่ากิยาอันมาแห่งท่านนี้โสด ท่านมาด้วยประโยชน์สิ่งอันใด อันท่านลุกแต่ไกลมาฮอด เถิงยอดแก้วศาลา ตวํ อันว่าท่าน ปวิส จงเข้าไปในศาลาโรงน้ำ ปกฺขลายสฺสุ จงล้างเสียยังผงเผ่าเท่าธุลีอันติดบาทาในศาลาโรงน้ำ ภุญฺช ท่านอยากจงเลือกกิน ตินฺทุกานิ ยังหมากคับทองหวานถ้วนถี่ มธุเกกา หมากช้างที่สุกเหลืองดี ปิยาลานิหมากหาดจีจ่อพั้ว หมากม่วงดั้วดวงหอม ขุทฺทกปฺปามิ มีรสหวานสุทธะยิ่ง สิ่งดั่งน้ำเผิ่งน้ำมิ่มใสเจือจาน ผิวะท่านอยากดูดกิน อิทํปิ ปาณิยํ น้ำกินอันนี้ สีตํ เย็นชักไช้ ดูดกินได้แฮงมา คิริคพฺภรา อันเฮาหากตักมาแต่ฮ่อมห้วยฮาวเขา แลนา ชูชโกปิ อาห เมื่อนั้นบั้นเฒ่าชุยชะกะ อาห ก็กล่าวว่า ข้าไหว้พระรัสสีเจ้า ยํ วตฺถุ อันว่าวัตถุอันใด สพฺพํ ทั้งมวล ตยา กตํ อันเจ้ากูหากกระทำ อกฺฆิยํ ให้เป็นเครื่องบูชาแขก อันเจ้ากูหากแต่งแจกมีหลายประการ ของหอมหวานทุกสิ่ง สัพพะพร้อมทั้งมวล ก็ข้าแลทอว่าด้วยมีแท้ อหํ อันว่าผู้ข้ามักใคร่อยากเห็นหน้าพระยาเวสสันดรเจ้าตนนั้น อกฺขมิ จงบอกแก่ข้าเฒ่าพอให้ได้เห็นหน้าพระยาเวสสันดรเจ้าจอมเมือง ก็ข้าเทอญ

 

                อจุตฺโต เจ้าจุตตะรัสสี ได้ยินคำบ่ดีแห่งพราหมณ์เฒ่า เจ้าจึ่งกล่าวโดยไวว่า ดูราท่านพราหมณ์ ท่านมาถามหายังเวสสันดรเจ้า ด้วยอันชอบนั้นก็บ่มีฮ้อยทีท่านปรารถนา อยากได้นางนาถไท้มัทรี หลือสองศรีอ่อนไท้ ไปเป็นข้อยแห่งท่านบ่สงสัย โภโค อันว่าเข้าของศรีสมบัติ นตฺถิ ก็บ่มีแก่พระรัสสีจักสิ่ง ยังแต่ลูกแก้วแลเมียมิ่งอยู่กับดอมพระองค์ ฮ้อยว่าท่านประสงค์เพียงเท่านั้น ท่านจึงชั้นถามหาบ่หย่าชะแล ชุยฺชโกปิ เมื่อนั้น บั้นชุยชะกะพราหมณ์จึงกล่าวตามภาษาเฒ่าถ่อย เกี้ยงลิ้นหล่อยด้วยปัญญา ว่า อกุทฺธรูปาหํ โภนฺโต ข้าไหว้พระรัสสีเจ้า อหํ อันว่าผู้ข้า บ่มีคำเคืองเคียดบังเบียดหน้าชั่งไผดอกน่า อาคโต ข้าเฒ่าเข้ามา บ่ว่าจักขอนอระทรัพย์สมบัติสัง อหํ ข้านี้เป็นคนดีศรีชอบ ประกอบด้วยใจบุญ ข้าก็ท่อระลึกถึงคุณแก้ว 3 ประการ เป็นปกติ ทสฺสนํ อันว่า กิยา อันไดเห็นยังพระอริยะเจ้าตนประเสริฐ เทียรหย่อมได้ไปเกิดเสวยสุขพ้นจากทุกข์ในสงสาร ข้าเฒ่าจึ่งได้ถือไม้เท้าเข้ามาสู่สมภาร แท้ดีหลี จักเห็นแก่อามิสอันอยากได้ ลูกท่านไท้แลเมียขวัญ แห่งพระจอมธรรมเจ้าตนนั้น ก็บ่มี สิริ ราชา พระกษัตตาตนพ่อ ฟังคำส่อสีพี ขับเจ้าหนีจากบุรีมาบวช สร้างผนวชเป็นรัสสี ในคีรีวงกต อทิสฺส ปุพฺเพ ในกาลเมื่อก่อน ผู้ข้าบ่ห่อนได้เห็นหน้าท่านไท้ผู้มีบุญ แท้ดีหลี   ผิว่าเจ้ากูยังฮู้ที่อยู่โฮงแก้วกู่จำศีลแห่งพระนอรินทร์เจ้าตนนั้น เจ้ากูจงบอกแก่ข้าเฒ่าโดยพลัน ก็ข้าเทอญ ตสฺส วจนํ สุตฺวา เจ้าอจุตตะรัสสีได้ยินคำไมตรีแห่งพราหมณ์เป็นอันม่วนเพราะเสาะใสลวดเข้าใจอันหยิ่ง จึงกล่าวเป็นคาถาว่า พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ อาการอันท่านมากล่าวเชิ่งเฮานี้เป็นอันดี เฮาหายคำสงกาทุกสิ่งแล้ว วสาหิ ท่านจงอยู่ในกู่แก้วศาลา กับดอมเฮาคืนเดียวนี้ก่อนเท่าวันเทอญ

 

                สนฺตาเปตฺวา เจ้าอจุตตะรัสสียังพราหมณ์ผู้นั้น   ให้อิ่ามเต็มไปด้วยลูกไม้   แลหัวมัน สยาเปตฺวา ก็ให้นอนในศาลาคืนฮุ่ง พระสุริยะพ้นพุ่งเฮืองมา ปสาเรตฺวา จึงเหยียดไปยังแขนเบื้องขวา ปกฺขิปิตฺวา ชี้บอกหนทางแก่พราหมณ์ ว่า เอโส เสโล ปพฺพโต คนฺธมาทโน ดั่งนี้เป็นเค้า มหาพฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ผู้ใหญ่ เอโส ปพฺพโต อันว่าดอยอันนั้น เสลมโย อันแล้วด้วยหินทั้งแท่งอันโลกหากแต่งไว้แต่ปฐมกัปป์มา คนฺธมาทโน ชือว่าเขาคนธะมาทะนะบรรพต ผากฏว่าเป็นที่เกิดแห่งของหอมทั้งหลาย ก็มีแล มนุสฺสา อันว่าคนทั้งหลาย คันมาเถิงที่นั้นแล้ว ก็ให้กั้วเก่าเมามัวไปด้วยคันธะรสสะทิพย์ สิบสิ่งจึ่งได้ชื่อว่าเขาคันธะมาลา อันพระกษัตตาบุญกว้างอยู่สืบสร้างทรงศีล ตามระบินบริสุทธิ์ สห ปตฺเตหิ กับดอมลูกแก้วแลเมียแพง ยตฺถ อสฺสเม ในอาศรมบทศาลาที่ใด ตวํ อันว่าท่าน อุตฺตราภิมุโข จงอ่วยหน้าชะภู่สู่หนเหนือ แล้วแลเรียบไปตามตีนดอยอันนั้น ท่นหากจักเห็น ยังอาศรมบทศาลาแห่งพระยาเวสสันดรเจ้าตนวิเศษ ธาเรตฺวา ตนทรงเพศเป็นรัสสี มีมือถือขอเกาะเกี่ยวเหนี่ยวลูกไม้แลหัวมัน สญฺจตํ อันมีเครื่งใต้บูชา ทรงผนวช ขอดเกล้าเป็นชฏา จมฺมวาสี เทียรหากหย่อมนุ่งหนังเสืออันท่านหากเถือลอกปอกออกทังเล็บเก็บกลีบเป็นสังฆาฏิ์ ฉาม เสติ ก็นอนอยู่เหนือแผ่นดินบ่มีสาด มีแต่ใบไม้กวาดเรียนปู มนสฺสติ ก็น้อมไหว้บ่ขาดยังชาติแปวไฟอันแดงเป็นแสงใสหยิ่ง สิ่งดั่ผ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าจอมไตร เพื่อเป็นปัจจัยนำฮอดเถิงยอดฟ้ามหาพรหม แท้ดีหลีนา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ เอเต ทุมา อันว่าไม้ทั้งหลายฝูงนั้น ผลธรา อันทรงยังลูกแลหมาก ปรากฏหลากหลายประการ ทิสฺสนฺติ ก็ยังปรากฏเห็นเป็นอันงามพร่ำพร้อมยิ่งหนักหนา คือว่าไม้ตะแบกค้อมใบหนา อสฺสกณฺณา ไม้หูกวางแกมไม้คล้อ ขทิรา ไม้ตระเคียนจ่อบุบผา สาลา ไม้ฮังหนาฮ่มกว้าง ผน์ทนํ ไม้คล้อขว้างฮิมทาง มลุวา ไม้ยางพลายปลายมันสูงพ้นเพื่อน นกน้อยเลื่อนลวมา วาเตน อันลมหากกดแกว่งหง่า ค้อมแบ่งไปมา สกึ ปิตา ว มาณวา เหมือนดั่งชายหนุ่มเหง้า น้อมมายังเหล้าแล้วแลก้มดูดกินนั้นแลนา

 

กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้องเรื่อง

 

                พฺรหฺเม ดูรราท่านพราหมณ์ สทฺโท อันว่าเสียง สกุณานํ แห่งนกทั้งหลายต่าง ๆ ฮ้องแล้วจับเคลื่อนหง่าไปมา เหนือสาขาหง่าไม้ สุยฺยเร ก็ปรากฏได้ยินมา สงฺคีติโย ว เหมือนดั่งเสียงขับแห่งนางฟ้าแลนกทั้งหลายฝูงนั้น นชฺชุหา คือว่านกก้นโดก ฮ้องกลางโคกตระเดินดงโกกิลา กาเวาวงแวดเว้า สงฺฆา นกใส่เหล่าเหตุการณ์บอกข่าวสาส์นทุกสิ่ง สมปฺปตนฺติ ฮ้องแล้วจึงเต้นไปมา ทุมา จากต้นไม้หลัง ทุมํ สู่ต้นไม้ทั้งหน้า เคลื่อนหง่าเอากัน นกเนื่องนันหลายหมู่ จับอยู่เหนือหง่าไม้กิ่งดกหนา อันลมหากมาพัด ถูกต้องนกซ้ำฮ้องขานขัน อวหยนฺเตว ประดุจดั่งฮู้กูกฮู้เอียกเรียกมาพลัน   คจฺฉนฺตํ ยังคนฝูงมาไหว้ ตั้งใจให้ยินดี นิวาสนํ ยังคนฝูงอยู่เก่า โมทยนฺติ ก็ช้ำเล่าให้ยินดี แลนา ยตฺถ อสฺสโม อันว่าอาศรมบทศาลา แห่งพระรัสสีเจ้าตนนั้น มีในที่ใด สกฺกทตฺติเยน อันอินทาธิราช หากอานัติให้วิสุกรรมลงมาสร้างให้แล้วยังแก้วกู่ศาลา ตวํ อันว่าท่าน คจฺฉาหิ จงเรียบตีนดอย อันนั้นไป หากจักเห็นยังอาศรมบทศาลาแห่งพระรัสสีเจ้าบ่สงสัย ชะแล เจ้าอจุตตะรัสสีตนวิเศษ วณฺเนตฺวา จักพรรณาย้องยอยังสระแลป่าไม้ ในที่ใกล้อาศรม อันควรภิรมย์ยินดีหยิ่ง จึงกล่าวเป็นไนยะคาถาว่า กิเรมาลา วิคตา ภูมิภาเค มโนรเม ดูรามหาพราหมณ์ ในพื้นข่วงอาศรมควรภิรมย์สุดขนาด อันเดียระดาษเต็มไปด้วยดอกกลุ่มเทศแลดอกจำปา สทฺทรา หริตา อันเขียวงามด้วยหญ้าแพด บ่ห่อนได้ติดแปดด้วยผงเผาเท่าธุลี น อุทฺธํ คโต ก็บ่ห่อนปลิวฟ้งขึ้นในข่วงพื้นอาศรมที่นั้นแล แลในข่วงพื้นอาศรมนั้นมีหญ้าอันอ่อนสุขุมาล มีสถานดั่งสำลีฝ้ายลวงสูงได้สี่นิ้วมือขวาง มยุรคีวสงฺกาสา มีวรรณเขียวเหลืองแหล่ ดุจดั่งแววคอนกยูง สมนฺตา เสมอกันฮอดทุกค่ำเช้า แท้ดีหลี พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ ตํ วนํ อันว่ป่าอันนั้น รติวฑฺฒนํ เทียนย่อมจำเริญคำยินดีบ่ขาด ด้วยชาติดอกไม้ทั้งหลายต่าง ๆ อันเกิดเหนือหว่างปลายผา สญฺฉนฺนา อันเดียระดาษเต็มไปด้วยดอกอุบลทั้งหลาย 3 ประการ บานบ่เศร้าเลียนกัน ยายเป็นถันอยู่น้ำ โลหิตนีลปนฺนา มีวรรณเขียวขาวแดงดูต่าง ๆ ตั้งอยู่พ่างเป็นถัน นนฺทโปกฺขรณี อิว เหมือนดั่งสวนนันทะโปกขรณี อันมีในเมืองสวรรค์นั้นแลนา เมื่อเจ้าอจุตตะรัสสี จักพรรณาย่องยอ ยังสระมุจลินมีน้ำอันใส มี 4 เหลี่ยมส่วนใหญ่เสมอกันจึงรำพันเป็นคาถาว่า โขมา ว ตตฺถ ปทุมา เสตโสคนฺธเยหิ จ ดังนี้เป็นเค้า ดูราท่านพราหมณ์ผู้เฒ่า ปทุมา อันว่าดอกบัวงามชะพาด เหมือนดั่งลาดด้วยผ้าโมขพัสตร์เหลื่อมมีวัน สญฺฉนฺนา อันเดียระดาษเต็มไปด้วยดอกนีรบลแกมผักบุ้ง เคลือข่วยหยุ้งกางวัง เสตํ ดอกบัวขาวแดงแวดล้อมดอกบุณฑริกอ้อมทุกพาย แลดอกไม้ทั้งหลายฝูงนั้น คิมฺหา เหมนฺตา ผุลฺลา อันบานในระดูฮ้อน แลระดูหนาว อปริยนฺตาว เหมือนดั่งหาที่สุดบ่ได้ ชาณุตคฺฆา อันเกิดมาในน้ำประมาณเพียงหัวเข่า เท่าดังคนปลูกไว้แลดูงาม พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ ปริวาสา อันว่าสระทั้งหลาย อันเป็นบริวารฝูงนั้น อันวิจิตไปด้วยไม้ ทั้งหลายต่าง ๆ อันตั้งอยู่ข้างมุจลิน มีกลิ่นอันหอมฟ้งตลบอบไปมา ภูมรา อันว่าแมลงเผิ้งแลแมลงภู่ฮ้องชีสู่ชมละอองฟองเกษรทุกค่ำเช้า บินเข้าออกเอาอาย ทั่วทุกพายทุกภาค บ่ปราศจากจักระดู รุกฺขา อันว่าไม้ทั้งหลาย อันยายยั้งแวดล้อม อ้อมเขตขอกสะพัง กทมฺมา คือว่าไม้ท่มค้อมใบหนา ปาฏลิโย ไม้แคฝอยเผือแฝงฝั่งบุบผาหลั่งบานขาวงาม วารณา ไม้นาวกานแกมกุ่มน้ำ สิริสา ไม้พันชีแลไม้ดอก ปทมฺกา ไม้ขัดยอกแลยมผา นิคคณฺฑิกา ไม้ยางพายดำกวยคิ่งค้อม ยางพายน้อมนูเนื้อ กึสุกา เคลือจานเจือเกี้ยว กิ่งอ้อมตาหลิ่งดูงาม ดุจดั่งไฟลามลุกเป็นแปวสีบ่เศร้า อญฺชนกา ไม้อี่ฮุมแลการะเกษ จำปาเทศแลทองหลาง อสฺสกณฺณา ไม้หูกว้างแลไม้ค้อ อชินํ ไม้ลิงง้อแลไม้ลิงชัง มหานามํ ไม้ตูมังแกมไม้ต้อง ไม้ขุนช้องหน่วยหนามหนา ปงฺกุลา ไม้ก้านเหลืองแลส้มกบ งามชบลบเลียนกัน นรทา ไม้จวนจันทร์จูมดอก เลียมอ้อมขอกมุจลิน ฉิมพลี ไม้งิ้วใหญ่ลำสูง สลฺลถิโย ไม้กระยูงใหม่ใบมาก ไม้คันคากแลหลังดำ กุสุมฺพา ไม้ดอกคำแลกาวเทศ ไม้วิเศษกิษณากระลำพักจันทร์คะณา มีนา ๆบ่โหดมีทั้งโกฏสอสิ่งดำขาว วลฺลนา ไม้กาชะทิงพาวแลตาวฮ้าง กเตรุหา ไม้ยางแดงไม้ชุมแชงแลตั้งเสี้ยน ไม้อีเลี้ยนเลียนกัน อถุติลา มีลำคดแลลำชื่อแกมกัน เลียนเป็นถันภายนอก เลียบล้อมขอกสระมุจลิน ฮุ่งเฮืองใสเหมือนดั่งโคมไฟตามติดไต้ ลุกลามไหม้พร่องพราย นั้นแลนา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ มุคฺคติโย อันว่าหมากถั่วทั้งหลาย คือว่าถั่วเงินแลถั่วคว้าง ถั่วแปบฮ้างเนืองเคลือ สีสกํ ถั่วตาเสือแลผักกาด มีทุกภาคแคมสระพัง ตํ อุทกํ น้ำอันนั้นพองเต็มฝั่ง วหตํ ลมฟาดฝั่งเป็นฟอง อุทฺทาปวตฺตํ ฝั่งบ่พังหมั้นหยิ่งหนักหนา ภูมมกฺขิกา แมงภู่แลแมงเผิ้งทั้งหลาย มีวรรณะหลายอย่าง เขียวขาวต่างเหลืองแดง หิงฺคุชาลิกา เกิดมาเคยตะแอ๋ว บินสอดแส้วชมละออง เกือกเอาฟองเกษร แห่งบุบผา มธุสฺสรา ฮ้องมีเสียงอันหม่วนสุดดุจดั่งเสียงเสพสาระเพ็ง นั้นแลนา

 

กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้องเรื่อง

 

                เต รุกฺขา ไม้ทั้งหลายฝูงนั้น เอกลุมฺพรุกขาหิ สญฺฉนฺนา อันเดียระดาษเต็มไปด้วยเคลือเขาทั้งหลาย หากเกี้ยวกอดสอดสน คนฺธา อันว่ากลิ่นแห่งดอกไม้แลเคลือเขาฝูงนั้น ธาริยมานา อันคนหากทรงทัด สตฺตหํ ปณฺณรสํ เสี้ยงว่าได้ 7 วัน 15 วัน ก็ดี ก็บ่เหยหาย กลิ่นแห่งดอกไม้ทั้งหลายฝูงนั้นแล ในประเทศท่าสระพังที่นั้น มีทรายอันขาวงามบริสุทธิ์ดุจดั่งแผ่นเงินเลียง เฮียงแฮมแทบฝั่งน้ำสระมุจลิน นั้นแลนา สระอันนั้น สนฺฉนฺนา อันเดียระดาษเต็มไปด้วยดอกไม้ทั้งหลาย คือว่าดอกช้องแมวเป็นแถวถัน ดอกเอ็งชันขาวเขียวเหลืองชะพาด ดุจดังช่างผู้ฉลาดหากริจนา นั้นแลนา   ตํ   วนํ   อันว่าป่าอันนั้น สมฺปตฺตํ ยังคนผู้ไปฮอดจอดเถิง สมฺโมทนฺเตว   ก็ให้ชมชื่นยินดี   ด้วยคันธะอันหอมแห่งไม้ฝูงเป็นหมากแลดอก นั้นแท้ดีหลี พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์   ตีณิ กกฺการุชาตานิ ชาติหมากฟักทั้งหลายมี 3 ประการ เอกาหมากฟักจำพวกหนึ่ง หวานสุดทะยิ่ง ใหญ่เพียงสิ่งเท่าไหไพ  อุโภ หมากฟัก 2 ประการนั้น มตฺตา มีประมาณชั้นเท่ากองเพลบ่กังขา สาสปฺปา อันเจือไปด้วยผักกาดแลหอมเทียม หริตายุโต ผักชีเลียนผักบั่ว เดียระดาษทั่วเต็มดิน อินฺทวรา ผักตบนิลเขียวอ่อน มีทั้งดอกช้อนแลดอกจำปี ดอกสะราพีแลดอกหอนไก่ ดอกใหม่เฮื่อเฮืองแดง งามสะอาด ดอกอำพราหมณ์แลเม็งมาด ดอกเอืองอาดอโนชา สุมนา ดอกช้อนห่อ แลดอกนางกาย ขุทฺทมปุบฺผิโย ดอกเกษนางามปุมแป่งเป็นดั่งสายสะเอ็งฮัดแอวคนนั้นแลนา ปทุมุตฺตโร ดอกนีลบนแลดอกต้าง ดอกหางช้างแลดอกแชวคำ ดอกคามดำบ่เศร้า ดอกขัดเค้าจ่อแกมใบเป็นผุ่ม ยายต้นอุ่มเนืองเคลือ ยายจันเจือจูมดอก ตั้งอยู่ขอกมุจลิน นั้นแลนา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ มธุ อันว่าฮวงเผิ้ง อเนรกํ อันหาแหวงแหนบ่ได้ มีบ่ให้บ่อยากบ่ลำบากสักอัน ตํ วนํ อันว่าป่านั้น สมิชฺฌติ ก็สำเร็จไปด้วยยาทิพย์ทั้งหลาย คือว่าหนาดคำแลนาดน้ำดินปูนล้ำพันถันหอระดาลคำแลการะบูนมีมาก มีทั้งเทียนสมุทรขาวแดง เทียนแกบแลเทียนดำ เหลือประมาณจักนับได้ ในป่าไม้อารัญเญ เอตฺถ สีหพฺยคฺฆปุรุกฺขสา ดูราท่านพราหมณ์ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลาย ฝูงอยู่เหนือก็มีมาก สีโห คือว่าราชสีห์เต้นตื่น เสือโคร่งคื้นลายแดง แม่ยักขีณีแฝงหน้ากว้าง มีทั้งหมู่ช้างพึงคะณา เอเณยฺยา ทวยเอ็นแลเห็นอ้ม ละมั่งก้มเล็มเกียง สารภา ฟานดำดอยชะเดิดเต้น ทั้งหมู่เหม้นหมู่หมาไน   ชะนีไปกุงก่าง   ลิงค่างเต้นโคจร   นงฺกุลา   พังพอนหมู่บ่างฮ้อง สิงฺคโล หมาจิ้งจอกหมู่ดำแดง ปกปฺปา ตัวเขียวนิลป้อมข้าง กรนํ องค์ช้างนั้นตัวใหญ่ ตโส องค์ไล่นั้นตัวแดง โคณสิลา งัวแดงพึงขนาด อุสุภราช เป็นเจ้าหมู่ทั้งหลาย มีทั้งกว้างทวยแลเหมือนหลวง ควายเขายองพะนอมเถื่อนแฮดฮ้องเกื่อนเสียงนัน พนฺธนํ หมีดำบั้งเสือเขียว เสือลายเลี้ยวเคยคั่วไพรหนา วลาห หมูป่าแฮงสองแข่ว เดินคั่วแอ้วเป็นฝูง เปลกา มีทั้งกระต่ายกระแต กระจ้อน กระเล็น เต้นไต่ไปมาเป็นหมู่ เป็นคู่สักขีทวยจามรีแลมอมม้าย แลนรั้วดิ่นพังพอนอักนอนแฝงไผ่ เหง้าไม้ไผ่เป็นอาหาร บ่ท่อแต่นั้น ทชา อันว่านกทั้งหลาย พหูโหนติ ก็มีมาก มีหลายภาคนา ๆ ทิชา คือว่าแฮ้งเฮฮ่อนบินสูง โมลา นกยูงวอนหาคู่ สะภู่พร้อมหลายวรรณ กุกฺกุฏา ไก่เถื่อนขันขุ่มอืด นกกดปืดฮ้องเสียงใส นกจาบไฟแลนกจอกฟ้า ขาวข้อแลอินทรีย์ นกถัวมีเสียงก้อง ฮ้องหากันกางเถื่อนละเลื่อนบินมา พลา นกยางขาว เผือแฝงฝั่งเข้าเดี้อยดั่งเหนือดิน นกเต้นบินแอะแอ่น แตหวัดแหล่นชมเวียน โกญฺโจ นกเขียนแลเยี่ยววอด บินสอดแส่วเอาปลา ปปปฺกา นกคล้อยทั้งห้อยแลประหิต ติดฺติลาโย นกกระทาขันเสียงแผด นกคับแคแวดเลียงแถว นกแชวชอนเลียบเหล่า เอี้ยงงยหง่าโลมเสียง สังกาเกียงแกมแขก นกฝูงนี้ฮ้องแปลกเสียงคน นกแจนแวนวนดิ้นดั่น นกกวักปั่นหาเมีย อคฺคเหตุกา นกอัมพราหมณ์ตามไต่ฮ้อง กอระวีกก้องส่งเสียงวอน ปิกลาโยนกแชวเกียงหางแกก อุลกา นกเค้าฮ้องแปลกเสียงแมว พลิยกฺขา นกแกงกกกล่อมลูก นกเค้ากูกเอาขวัญ กณฺฑิลา นกชุมแชงแลคอก่านห่านฟ้าแลตาหลุม นกเป็ดชุมแลเป็ดก่า กาน้ำแลเกล็ดห้อย ลอยเลียบน้ำชอนลอน หริทา นกเหลืองอ่อนเข้าหมิ่น ฮ้องหล่ายเหล่นชมคอน กระออกขาวนอนเนืองเหล่า เจ่าจ้องจอบกินปลา สกุณา นกทั้งมวลฝูงอยู่น้ำ ฮ้องเส่งช้ำหม่วนหนักหนา ควรจินตนาเถิงขนาด อุปกุชฺชโน เทียนย่อมฮ้องฮ่ำขาดเป็นยามเมื่อเช้าฮ้องเสียงหวาน เมื่อแลงขานเสียงอ่อน ฮ้องแล้วกล่อมกันนอน แลนา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ สกุณา อันว่านกทั้งหลายเกิดมาเคยมีตา หัวตา หางตา อันขาวพราวบริสุทธิ์ สะอาดเหมือนดั่งชั่งผู้ฉลาดากริจนา อนฺฑชา อันเกิดมาแต่เปลือกไข่ อันแม่หากคาบกิ่งไม้มาข่วยข่วงแปลงฮัง มีปีกหางงามลายลวดมีหอนตั้งขึ้นแลดูงาม มีลายคองามเขียวอ่อน นา ๆ มีวรรณะหลายต่าง ๆ บางพร่องด่างเหลืองแดง ฮ้องเสียงแข็งขันหลายหลาก มวลภาคเหล่นกับดอมเมีย อยู่นีเนียนีหน่ำ ในป่าไม้พร่ำอรัญเญ สพฺเพ สกุณา นกทั้งหลายฝูงนั้น มีนกกอระวีกเป็นเค้า ฮ้องอูดเอ้าเสียงใส ตั้งแต่ไกลเป็นอันหม่วน ไพเราะเพราะหนักหนา สองฝั่งสระมุจลินบ่ขาด แลป่าอันนั้น อเนยฺยปสตากิณฺณํ อันอาเกียรไปด้วย ทวยเอ็นแลเห็นอ้ม ช้างเสียบก้มเงยงา เข้านานาหลายอย่าง มีต่าง ๆ หลายพันธ์ คือว่าเข้าเดือยแลเข้าขว้าง เข้าหางช้างหางหมี เข้าสาลีหาแกบบ่ได้ มีบ่ไฮ้บ่ได้ปลูก หากเป็นลูกด้วยตนเอง แลป่าอันนั้น สญฺฉนฺนา อันเดียระดาษเต็มไปด้วยอ้อยมีประการต่าง ๆ มีทั้งอ้อยปาอ้อยตาแดงเป็นเค้า ท่านผู้เฒ่าไปแล้วหากจักเห็นแลนา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ อยํ มคฺโค ทางอันนี้ พอฮอยตีนผู้เดียวเทียวไต่ ตรงไปใส่อาศรมบทแห่งเจ้าอุดมเวสสันตราช ทางนี้เฮาชี้นี้ สามารถอาจไปเถิง บ่เหิงนานสักปานใด เป็นทางชื่อ ท่านจงจื่อไว้แล้วค่อยเดินไป เท่าวันเทอญ เจ้าอจุตตะรัสสี มีใจกรุณา บอกมัคคาทางเพศ แก่เฒ่าผีเผ็ดพราหมณา ด้วยไนยะดังกล่าวมา   พาลา สวนดั่งเฒ่าถ่อยฮ้ายโลภา มันมีความจินดาชมชื่น เหมือนดั่งได้คำหมื่นมาใส่ถง เมียมันหากจำมาหลงหนทางมาลำบาก   เพราะทุกข์ยากไฮ้บ่กลัวตายแลนา ปทกฺขิณํ ทตฺวา มันกระทำเวียนวัตรประทักขินสิ้นสามฮอบ ไหว้นบนอบ 3 ที เจ้าอจุตตะรัสสีตนวิเศษ เฒ่าผีเผดลืมตาย เหตุเสียดายเมียนางงามหนุ่มเหง้า มันก็บายเอายังไม้เท้าแลถงลายพายกระโชนชุบสู่ เข้าไปสู่ที่อยู่แห่งพระเวสสันดรมหารัสสี ก็มีแล มหาวณฺณนา ประดับประดาไปด้วยคาถา 80 พระคาถา นิฏฺฐิตา ก็เสด็จบรบวน ควรเท่านี้ก่อนแล