ผูกที่ ๗.กัณฑ์มหาพน ๘๐ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021
๑๓.กัณฑ์นครกัณฑ์ ๔๘ พระคาถา
17 มิถุนายน 2021
ผูกที่ ๘.กุกัณฑ์มาร ๑๐๑ พระคาถา

 ผูกที่ ๘ กัณฑ์กุมาร

 

กุมารบั้นต้น กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้อเรื่อง

 

                ชูชโกปิ อจุตฺตปสฺเสน กถิตมคฺคํ ยาว จตุรสฺสโปกฺขรณีตีรํ ปตฺวา จินฺเตสิ โภ สาธโว ดูราสัปปุริสาทั้งหลาย อสฺสโม อันว่าอาศรมบทศาลา แห่งมหาธรรมิกรัสสี มีในที่ใด ชูชโกปิ สวนดั่งชิณณพราหมณ์ มันก็ไปตามวิถี อันเจ้าอจุตตะรัสสีชี้บอก จนไปฮอดขอกสระ 4 เหลื่ยม อันมีชื่อว่ามุจลิน จินฺเตสิ มันก็คณิงในใจว่า   อติสายนฺเห วันนี้ดูค่ำพ้นเวลาบ่ดี   ฮ้อยที่นางมัทรีจักมาแต่ป่า บ่คาดว่าชาติมาตุคามนี้โสด เทียนหย่อมเป็นโทษแก่ยาจกและคนขอ แท้ดีหลี อันนี้หากเป็นบูฮาณมาแต่บุพเพ เสฺว ในวันลุนฮุ่งเช้าม้มราตรี ให้นางมัทรีหนีไปหาหัวมันแลลูกไม้ กูจักเข้าไปขอเอาลูกท่านไท้แล้วหนีไป ควรแท้ดีหลี   เมื่อชิณณพราหมณ์เห็นความงามในเมื่อหน้า มันบ่ช้าฮีบปลงถง มันประสงค์หาที่สำราญคานเข้าไปในที่คับ กับด้วยก้อนหิน นิปชฺชิ มันก็นอนขดชะคู้ อยู่ข้างตีนดอย มีแล ตํ ปน รตฺตึ ในคืนวันนั้น บั้นนางแก้วราชมัทรีนอนในคืนอันนั้นจักฮุ่ง ท่าวมุ่งฝันเห็นเป็นนิมิตรอันเพิงกลัว ฝันว่ามีชายผู้หนึ่งตัวดำ ๆ ดั่งกานุ่งผ้าย้อมฝาด 2 ผืน ยืนสะกัดทัดดอกบัวบานทั้งสองหู มือถืออาวุธเหลี่ยมมาบ ๆ แล้วแล่นมาจับกูนางหน่อเหง้า ชักเกษเกล้าพระราชเทวี กุมทุบตียีย่องจับเกล้าจ่องไปมา ควักเอาตาใส่พก ผ่าหัวอกจกหมากหัวใจ ตัดเอาแขนทั้ง 2 ไปบ่ไว้ มันได้แล้วแลหนีไป นางศรีไวสะดุ้งตื่น บ่ชื่นสั่นทั้งคีง นางตีงตนลุกขึ้นได้ เดือดฮ้อนไหม้เศร้าเสียใจ นางฮ่ำไฮคิดโสกเศร้า เหตุว่าคำฝันนี้ลามกเหลือประมาณ ควรจักไปทูลสาส์นผัวแก้ว นางฮ่ำแล้วฮีบลงไป ขึ้นบันไดศาลาพระบาท นางน้อยนาถเคาะประตู ค่อย ๆ ต่อยประตูบ่ให้ดังแฮง เมื่อนั้น เจ้าจอมแพงเวสสันตราช พระบาทเจ้าตื่นบรรทม จึ่งประลมในใจว่า ถ้าเคาะภายลุ่มนั้นแม่นสัตว์เดียรัจฉาน อันจักมากระทำฮ้ายแก่ตน ผิว่าเคาะภายบนแม่นเผดแลผี บ่สงกาอันนี้นาเคาะทางกลาง ดังอยู่ต่อง ๆ ฮ้อยที่แม่นนางหล้าราชมัทรีบ่ผิด บุพพิตาเจ้าบ่สงสัย อาห จึงกล่าวไปด้วยเสียงค่อย ๆ ว่านั้นแม่นผู้ใดมาต่อยประตูเฮา เมื่อนั้น นางนงคราญตอบถ้อย ข้าน้อยชื่อว่ามัทรี พระรัสสีโจดจ้อง ว่า เฮาได้ให้กติกันไว้แล้วน้องแก้วเล่าลืมเสียแล้วลือ เมื่อนั้น บั้นราชมัทรี ใจบ่ดีคลั่งแค้น แน่นอุรา เหตุเพราะราชาสันทาบนาบให้ว่าตนผิด ทูลบุพพิตตาตอบถ้อย ว่าข้าน้อยบ่มาด้วยกิเลสทำกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์สัง อหํ อันว่าข้าน้อยมัทรี ทุสุปิโน ฝันเต็มทีลามกฮ้อนในอกนอนบ่ได้ อยากให้พระบาทไท้ทวยความฝัน ก็ข้านา เมื่อนั้นบั้นพระราชา ได้ยินคำนางนาถ ให้โอวาสชี้บอกว่า เจ้าจงอยู่ภายนอก อย่าเข้ามาก็พี่เทอญ เมื่อนางราชมัทรี ได้ฟังพระรัสสีให้โอวาท นางน้อยนาถดีใจ จึ่งกราบทุลด้วยเสียงอันใสตามเหตุ อุปเทศแห่งคำฝันแก่พระจอมทันภูวนาถ พระบาทฮู้ส่องเห็นญาณ ทานอันตนละไว้ เสี้ยงว่าได้ 7 เดือน เข้าเตือนใจฮ่ำฮอด จักมียาจกจอดเข้ามาขอเอา 2 ศรีลูกเต้า ในวันหน้าเช้าบ่สงกา เจ้าจึ่งมีวาจาตอบถ้อย   บอกนางน้อยนาถราชมัทรี   ว่า ดูราเจ้ามัทรี   นิมิตรคำฝันนี้บ่เป็นสัง จิตฺตํ อันว่าใจของเจ้า เกิดโศกเศร้าบ่เคยเห็น เหตุว่าเจ้าบ่เคยเห็น เหตุว่าเจ้าเคยอยู่สุขสำราญ ในสถานบังคับผาสาท ปูลาดด้วยผ้าอ่อนสุขุมาล เสวยโภชนะอาหารอันประเสริฐ บัดนี้มาอยู่เขตไพรสณฑ์ เป็นคนจนลำบาก นอนเต็งฟากหากลำคาน กินอาหารล้วนแต่หัวมันแลหมากไม้ ความทุกข์ไฮ้ไหม้เผาใจ นางนงค์ไวจึงฝันเห็นเป็นลามาก อย่าวิตกน้อยใจสั่ง ก็พี่เทอญ   มหาสตฺโต พระรัสสีตนฉลาด เล้าโลมนางนาถให้ดีใจแล้วส่งไปยังที่อยู่ มีแล วิภาตาย รตฺติยา ในเมื่อราตรีอันนั้นแลฮุ่งสายฟ้ามุ่งเฮืองมา นางพระยากระทำครองวัตร ปัดกวาดแผ่วบรบวนแล้ว นางแก้วอุ้มจูบ 2 สี กล่าวคำดีระห้อย ให้โอวาทคีค้อย ๆแก่ 2 ยอดสร้อยเสน่หาว่า ตาต ปุตฺตกา ดูราลูกแก้วแม่ 2 โสภากำพร้าแม่ไปหน้า เจ้าราชนี้อยู่ลุ้นหลัง เจ้าอย่าได้เดินพะนังเถื่อนถ้ำ อย่าได้ไปท่าน้ำแลภูผา อย่าได้เทียวไปมาในเถื่อน เนื้อฮ้ายเพื่อนทรพี สัตว์เสือหมีแฮดช้างเสพอยู่อ้างในไพร งูเหลือมไวเห่าห่อม พิษพุ่งต้องตอดตนตาย แม่บ่สะบายคิดฮ่อ       ฝันฮ้ายบ่เคยเห็น กลัวจักเป็นเข็ดขอดข้องแก่ 2 เจ้าพี่น้องหน่อสงสาร แม่ไปวอนวานกราบไหว้ ท้าวแก่นไท้พ่อพระยา มีวาจาตอบถ้อย ว่าคำฝันข้อยบ่เป็นสัง ใจแม่ยังระห้อยคณิงอยู่ค้อย ๆ บ่มีวายแลนา ปฏิสาเปตฺวา นางพระยาสั่งแล้ว อุ้มเอาลูกแก้วมอบผัวขวัญ นางคร่ำครวญทูลพระบาท ขอให้พระราชเจ้าหมั่นเตือนใจ 2 นงค์ไวพี่น้อง อย่าให้ได้พลัดพรากห้องห่างศาลา ก็ข้าเทอญ อาทาย คันนางสั่งแล้ว นางแก้วจึงถือเอา ขานิทิกํ ยังเสียมขุดมันคมปลอด กระเช้าน้อยสอดสุบดี โรทนฺตี นางนงค์คราญฮ้องไห้ คิดถึงลูกแก่นไท้อันอยู่ภายหลัง ปาวิสิ นางเชชัดเข้าป่าไม้ เที่ยวชอกไช้หาหัวมัน ก็มีแล ชูชโกปิ เมื่อนั้นส่วนดั่งชิณณพราหมณ์ หลับพอยามแลฮุ่งเช้าพราหม์เฒ่าไขกลอนหนี ปีนลงตีนดอยลีลุดลีหล่าว มือข่มเท้าบ่าพายถง เดินไปกงฮอมฮ่อ ตั้งหน้าต่อศาลามีความจินดาว่า กาละบัดนี้ค้อมพอดี ฮ้อยว่านางมัทรี หนีไปคั่วป่า หาลูกไม้แลหัวมันบ่สงสัย พราหมณ์ดีใจพายถงถือไม้เท้า เดินไต่เต้าด้วยตามทางวันนั้นแลนา

 

                มหาสตฺโต เมื่อนั้น บั้นธรรมิกรัสสี นิสีทตฺวา ก็สถิตอยู่แทบประตูกู่แก้วพระปัณณะศาลา กับทั้งพระวรปิตตาลูกเต้า 2 เขื่อ เจ้าแล่นเล่นไกล้ศาลา ทิสฺวา พระก็เห็นพราหมณ์มาแต่ไกล เอิ้นบอกไปบ่ช้าแก่เจ้าชาลีว่า อุฏฺฐาหิ ชาลิ ปติฏฺฐ ดูราเจ้าชาลีลูกฮักพ่อนามหน่อสายใจ พ่อแลเห็นแต่ไกล คือดั่งพราหมณ์เดินเทศทรงเพศเป็นรัสสี เจ้าลุกมาแลดูดีลูกแก้ว เจ้าชาลีเห็นแล้วกราบวันทา ข้าน้อยเห็นพราหมณ์มาแม่นแท้บ่สงสัย ท้าวชาลีเดินไปบ่ช้า อ่วยหน้าสู่ตาพราหมณ์ กล่าวคำงามระห้อยว่าให้เด็กน้อยช่อยพายถง โดยประสงค์เป็นอาคันตุกะวัตร เมื่อนั้น บั้นเฒ่าเทวทัตชุยชะโก จินฺเตนฺโต คิดถ้วนถี่เด็กน้อยผู้นี้มีฮูปโฉมงาม อันจักเป็นนงค์ฮามชาลีลูกไท้ อันกูจักขอเอาไปไช่เป็นทาสา แก่นางอมิตตะตาเมียมิ่ง บ่สงกา ธรรมดาลูกกษัตริย์ เทียนหย่อมใจกล้าหยาบ กูจักกำฮาบนาบไว้แต่หัวที เฒ่ากาฬคีณีคิดแล้วบ่ช้ายกไม้เท้าขึ้งชี้หน้าเจ้าชาลี ว่าเด็กน้อยฮีบหลีกหนีอย่าช้ามาข้างหน้าผู้ใหญ่เขาเดินทาง ชาลีกุมาโร เมื่อนั้น บั้นพระชาลีเห็นบ่ดีพราหมณ์กริ้วโกรธ แลเห็นสัปปุริสาโทษในตัวพราหมณ์ เห็นบ่งามฮีบหลีกให้ พราหมณ์เข้าใกล้ฮอดอาศรม ยอมือบังคมทูลราช ถามหาสุขทุกข์แก่พระบาทเจ้า ด้วยคำงามว่า กิจฺจ นุ โภนฺโต กุสลํ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้เจ้าพระรัสสีเจ้ากูมาอยู่ในคีรีเป็นครองบริสุทธิ์ กุสลํ อันว่าสภาวะอันหาพยาธิบ่ได้ คือว่าไข้สันนิบาตแลเจ็บหัว อนามยํ อันว่าคำกลัว 2 ประการ ก็หาบ่ได้ แก่พระบาทไท้จอมหัว ก็ข้าลือ ยาเปถ   เจ้ากูก็ค่อยยังชีวิตให้เป็นไปบ่อยาก บ่ลำบากด้วยการคั่วแสวงหา ก็ข้าลือ มูลผลา หัวมันแลหมากไม้ ก็ยังค่อยได้พอฉัน ก็ข้าลือ ฑํสา จ มกสา จ เหลือกแลยุงยองของป่างูพิษคั่วตะเดินดง หึสา   คำกังวนในป่าแฮดฮ้ายคั่วราชสีห์ วารมิคฺคา สัตว์จังไฮแฮงตอดงูงอดคั่วดงดอน ก็บ่มาโคจรเข้าใกล้ พระบาทไท้รัสสี ก็ข้าลือ

 

กุมารบั้นต้น กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้อเรื่อง

 

                มหาสตฺโต เมื่อนั้นบั้นธรรมิกะรัสสี บอกสวัสดีแก่พราหมณ์เฒ่า พระบาทเจ้ากล่าวคาถา กุสลญฺเจวเม ดั่งนี้เป็นเค้า พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมมณ์ กุสลํ อันว่าเฮาพระบาท ก็บ่ได้ต้องพยาธิที่อันใด ก็ยังสะบายหายจากคำทุก์ยาก 2 ประการ นั้นแท้ดีหลี   ฑํสา จ มกสา จ เหลือกแลยุงยองของป่า ก็บ่มาคั่วใกล้ตนเฮา ยาเปมิ เฮาก็ยังชีวิให้เป็นไปบ่ถ่อยสัง ด้วยกำลังอันแสวงหาลูกไม้ ก็ยังค่อยได้พอฉันบ่ขาด มูลผลา หัวมันแลลูกไม้ ก็ยังมีมาก บ่ลำบากด้วยอันคั่วแสวงหา สิริสปฺปา สัตว์ตัวฮีสารพิษ นวิชฺชติ ก็บ่ได้ เพราะว่าเฮามาอยู่ป่าไม้ที่นี้แผ่ไมตรี หึสา อุปัทวะอนตายแต่สัตว์ทั้งหลาย มีราชสีห์เป็นเค้า ก็บ่เข้ามาระทำฮ้ายฮาวีในคีรีขวงเขต เหตุว่าเฮาทรงธรรมพรหมวิหารผายแพร่ฮอด บ่ขาดสักเวลา พฺรหฺเม ดูราท่านพราหมณ์ สตฺต โน มาเส แต่เฮามาอยู่ในที่นี้ได้ 7 เดือนมาฮอด ก็บ่ขมอดด้วยอันใด ท่อว่ามีหัวใจอันเต็มไปด้วยความโศก   เหตุว่าเฮาเคยบริโภคเข้าสาลี   ของกินดีสะพาดเหนือไตรคำ บุพฺเพ ในกาละเมื่อก่อน บัดนี้เฮามาผ่อนกินลูกไม้เป็นอาหารบ่ขาด ตองก้วยถาดตัดมาฮอง เฮายังหมองใจเพียงเท่านี้ เฮาเห็นผู้วิเศษทรงเพศเป็นรัสสี มีมือถือไม้เท้า เดินดั้นเข้ามาเถิงศาลาเป็นศาลแรก ท่านเป็นแขกอันดีหนักหนา กิยาอันมาแห่งท่านนี้โสด หวังประโยชน์สิ่งฉันใด อันท่านลุกมาแต่ไกลมาฮอด เถิงยอดแก้วศาลา ตวํ อันว่าท่าน ปวิส จงเข้าไปในศาลาโฮงน้ำ ปกฺขลยตุ จงล้างเสียยังผงเผ่าเท่าธุลี อันติดบาทาในศาลาโฮงน้ำ ภุญฺชาหิ ท่านอยากจงเลือกกิน ติณฺฑุกานิ ยังหมากคับทองหวาน มธุเก หมากซางมีสุกเหลืองดี ปิยาลานิ หมากหาดจีจ่อพั้ว หมากม่วงดั้วดวงหอม ขุทฺทกปฺปานิ มีรสหวานสุดทะยิ่ง สิ่งน้ำเผิ้งน้ำมิ้มใส่เจือจาน ผิว่าท่านอยากจงดูดกิน อิทํ   ปาณิยํ   ยังน้ำกินอันนี้อันเย็นซักไซ้ดูดกิน ได้แฮงมา คิริคพฺภรา อันนางราชมัทรีหากตักมาแต่ห่อมห่วยฮาวเขา แลนา

 

                ชูชโกปิ อาห เมื่อนั้น บั้นชุยชะกะพราหมณ์ก็กล่าวคำงามอันสนิท ติดกับ ด้วยอุปมา เป็นไนยะคาถาว่า ยถา วาริวหา ปูรา สพฺพกาลํ น ขียนฺติ ดั่งนี้เป็นเค้า ข้าไหว้เจ้าพระรัสสี ตนประกอบด้วยบารมีธรรมอันหยิ่ง สิ่งดั่งแม่น้ำทั้ง 5 คือ คงคา มยุนา อจิรวดี สารภู มหึสา อันใหญ่กว้าง ไหลแต่ทางอโนมา   สัตว์นานาทุกหมู่ เข้าไปสู่อาศัย ตักไปกินไปอาบ ตักหิ้วหาบขนหนี น ขียนฺติ ก็บ่บกเป็นหาดก็บ่ขาดเป็นวัง สพฺพกาลํ ยังเต็มดีทุกเมื่อ อันนั้นแลมีฉันใด ตวํ อันว่าสมเด็จมหาราชเจ้า มีอัชฌาสัยอันบ่เศร้า เต็มไปด้วยศัทธายาจกมาอยากได้ ขนหอบให้ตามประสงค์ ศัทธาคงบ่น้อย บ่ต่ำค้อยเสื่อมถอยลง ยังคงดีอยู่ทุกเมื่อ ตถา ก็มีอุปมัยดั่งแม่น้ำทั้ง นั้นแท้ดีหลี ข้าเฒ่ามาบัดนี้ควรคลอง ดูบ่ดีฮีบแล่นหนีไปนอกหลังศาลาแลสุมทุมป่าไม้ อยู่บ่ได้พอยาม เหมือนดั่งพราหมณ์เฒ่าจักเข้าไปชอกเอาตัวในที่นั้น มีตนอันย้านสะบั้นสั่นสายไปมา ปลายึสุ 2 พิมพา บ่ช้าอ่วยหน้าสู่สระโปกขรณี คาดตัวดีให้แน่น แล่นลงน้ำด้วยความกลัว เอาใบบัวปกเหนือหัวลี้อยู่ พร้อมทั้งคู่ในหนอง มีแล ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต พระเจ้าจักไขอัตถาภายหลังมาให้แจ้ง   จึ่งแสดงเป็นคาถาว่า   ตโต กุมารา ภยฐิตา ดั่งนี้เป็นเค้า ภิกฺขเว ดูราภิกขุสงฆ์ฝูงทรงจาตุป่ริสุทธิ์ศีลบ่เศร้า เมื่อพาหมณ์เว้าเสียงแข็ง 2 จอมแพงลูกไท้อยู่บ่ได้แล้วแล่นหนี แลมีดั่งนั้น บั้นเฒ่าชุยชะกะ อทิสฺสวา บ่เห็น 2 กุมารพี่น้องในแห่งห้องอาศรม อปสาเทสิ มันสันทาบนาบยังพระรัสสีบ่ให้ยินดีสักหยาด   เอามุสาวาทเข้ามาเต็ง กล่าวข่มเหงให้เดือดฮ้อน ว่า ดูราท่านท้าวพระยาเวสสันดร เชื้อภูธรผู้ใหญ่ บ่ใช้พอประมาณ ให้ลูกเป็นทานเตื้องต่อเฮา บ่เอาไปหาพ่อเมืองไกล   จักเอาไปเป็นข้อยบัวระบัดแก่นางน้อยนาถอมิตตะตา ลวดมีคำจินดาเคียดค้อย ฮักลูกน้อยเสียใช้อุบายให้ปล่อย โลบเลี้ยวถ่อยคำกษัตริย์ใช้อาณัติให้สัญญา ขะหยับตาแลยิกคิ้ว ทำหน้าหิ้วให้ลูกแล่นหนี แล้วกระทำเป็นคนดีมีอาการดั่งบ่ฮู้ นี้จา มญฺเญ ดั่งเฮาใส่ใจดูนี้ คนทั้งหลายในโลก   แลจักฮู้อาโภคด้วยมายาสาไถเถิงขนาด กล่าวมุสาวาทบ่มีอาย ดั่งพระเวสสันดรนี้ก็หาบ่ได้แท้ดีหลี


กุมารบั้นต้น กัณฑ์ย่อยที่ 3

 

เนื้อเรื่อง

 

                เมื่อพราหมณ์กล่าวดั่งนั้น บั้นพระธรรมิกะรัสสี ได้ยินคำบ่ดีพราหมณ์กล่าว มีหัวใจฮ้อนผะผ่าวปานไฟลน มีตนอันสะบั้นสั่นสายไปมา เหตุบ่เคยได้ยินวาจาอันชั่วหยาบ เคยได้ยินแต่คำสุภาพกราบทูลสาส์น จึ่งอนุมานเถิง 2 พี่น้อง เห็นจักเกี่ยวข้องด้วยความฝัน อันพราหมณ์ชูชีแต่เค้า 2 เขื่อเจ้าย้านแล่นปลบหนี บ่หย่าชะแล คันเจ้าฮ่ำเพิงดั่งนั้นแล้ว พระตนแก้วจึงกล่าวตอบตาพราหมณ์ ว่าเจ้าอย่าได้ตกใจต่ำค้อย เฮาจักไปตามลูกน้อยมาให้ เฮาบ่ห่อนให้เสียสัจจะแลนา คันกล่าวแล้วพระตนแก้วก็ลุกโดยพลัน ไปตามสองแพงพันลูกแก้ว เห็นฮอยแล้วแล่นลงสา มีคำจินดาฮู้แจ้งจอด ว่าสองอ่อนน้อยไปลี้อยู่ในสาบ่ขาด พระบาทเจ้าบ่สงกา ปกฺโกสิตฺวา จึงเฮียกหาท้าวชาลีศรีองอาจ ด้วยอทิบาทคาถาว่า เอหิ ตาต ปิยปุตฺตา ปูเรถ มม ปารมึ ดั่งนี้เป็นเค้า ดูรเจ้าชาลีเอยแก้วหน่อ ลูกฮักพ่อเสมอตา เจ้าจงออกมาให้ทันทานบารมรแห่งเฮาพ่อ เชื้อชาติหน่อพุทธังกูรเพิ่มพูลทานบารมีอย่าช้า อย่าให้พ่อได้คลองถ่าอยู่เหิงนาน หทยํ เม ภิสิญฺจถ เจ้าจงเป็นน้ำฝนใสมาสรงโสดระงับ ดับโทษไหม้ภายในหัวใจอันฮ้อน แห่งเฮาพ่ออันพราหมณ์หากให้ลำบาก พราหม์เฒ่าหากมาเต็ง กล่าวขมเห็งใส่มุสาวาท ทุกข์ขนาดในมโน กาเรถ วจนํ มม เจ้าจงมาตามถ้อยคำแห่งพ่อ อันตั้งใจต่อโพธิญาณ ยานา นานา ว เม โหถ เจ้าจงมาเป็นสำเภาแก้วอันแน่หนา เอาพระวรปิตตาขึ้นขี่แล้วนำสำเภาแก้วข้ามเถิงฝั่งสาระนคร กายดงดอนฮ้ายขาด คือชาติชราธรรม จงจำนำเอาพ่อ ให้เถิงฝ่งก้ำพุ้นกล่าวคือนีรพานข้ามสงสารอันผ่านแผ้ว เถิงยอดแก้วชมภู กูพ่อจักเป็นครูสัตตะโลกให้พ้นจากโอฆะอันกันดาน คือวัฏฏะสงสารอันฮ้อนไหม้ ให้เมื่อเถิงเทศไท้คือนีรพาน ก็ข้าเทอญ

 

                เมื่อเจ้าพระชาลีได้ฟังพระรัสสีตนพ่อตั้งหน้าต่อเฮียกหาตน แลมีดั่งนั้น เจ้าจึ่งคิดว่าพราหมณ์ผู้นี้ตั้งหยาบช้าสาโหด แม่นมันจักกระทำโทษให้เถิงตาย กูบ่เสียดายชีวิต กูบ่ควรคิดให้พ่อเฮียกหาเถิง 2 หน เจ้าฮีบเลิกตนจากใบบัว มากอดพระบาทเบื้องขวาแห่งพระวรปิตตาแก่นไท้ ฮ้องฮ่ำไห้โทมนัสกล่าวว่า บัดนี้ พระวรปิตตาเป็นเจ้า จักให้เป็นข้อยแห่งพราหมณ์ แท้ดีหลี แลนอ เมื่อนั้น บั้นพระธรรมิกะรัสสี ถามเจ้าชาลีว่า น้องหล่าช้อยกัณหาไปอยู่ทางใดจา บ่ออกมาหาพ่อ ท้าวชาลีต่อทูลสาส์นว่า สัตว์นานาทั่วแหล่งหล้า บ่ห่อนกล้าต่อความตาย ย่อมขวนขวายรักษาตนทุกถ้วนหน้า เจ้ายอดฟ้าเวสสันดรอธิกรเห็นแจ้ง ในถ้อยคำแห่งเจ้าฟ้าชาลีว่า 2 ศรีลูกแก้ว ให้สัญญาไว้แล้วแก่กัน พระจอมทันภูวนาถพระบาทเจ้าบ่สงกา จงเฮียกนางกัณหาหน่อเหง้า เฮียกหาเจ้ายอดเสน่หาด้วยบทคาถาว่า เอหิ อมฺม ปิยธีตา ปิยา เม ทานปารมี ดั่งนี้เป็นเค้า ดูราเจ้ากัณหาเอยนามะหน่อ ลูกฮักพ่อเสมอตา เจ้าเป็นราชธิตายอดฮักแห่งกูพ่อแท้ดีหลี สวนดั่งทานบารมีดวงประเสริฐ ก็จึ่งเป็นที่ฮักลำเลิศยิ่งกว่ากูพ่ออันเป็นเชื้อชาติหน่อโพธิญาณ หถยํ เม ภิสิญฺเจถ เจ้าจงเป็นน้ำเต้าแก้ว อมุตฺตเสลา มาเป็นยาระงับโทษ พราหมณ์สาโหดหากมากวน กล่าวคำควรผิดฮำฮ่อ ว่ากูพ่อบ่มีสัจา กาเรถ วจนํ มม เจ้าจงมาตามถ้อยคำแห่งพ่ออย่าช้า อย่าให้พ่อคอยถ่าอยู่เหิงนาน ยานา นานา ว เม โหถ เจ้าจงเป็นสำเภาแก้วอันแน่หนา เอาปิตตาขึ้นขี่ แล้วนำสำเภาแก้ว ข้ามเถิงฝั่งสาระนคร กายดงดอนอันฮ้ายขาด คือชาติชราธรรม เจ้าจงจำนำพ่อเถิงฝั่งก้ำพุ้น กล่าวคือนีรพาน   ข้ามสงสารอันผ่านแผ้วเถิงยอดแก้วสยัมภู พ่อจักเป็นครูนำสัตตะโลกกับทั้งเทวโลกให้พ้นจากโอฆะอันกันดานคือวัฏฏะสงสารอันฮ้อนไหม้ ให้เมื่อเถิงเทศไท้คือนีรพาน ก็พ่อเทอญ

 

                เมื่อนางกัณหา ได้ฟังถ้อยคำบิดา กล่าวคีค้อย ๆ เฮียกหา นางจินตนาฮำฮ่อ บ่ควรให้พ่อเรียกเถิง 2 หน แท้ดีหลี กษัตตีออกมาบ่ช้าก้มหน้าต่อบาทา แห่งพระวรปิตตาเบื้องซ้าย อิงพี่อ้ายชาลีดวงศรีงามสะอาด น้ำตาหยอดหลั่งไหลตก คิดคำทุกข์คีค้อย ๆ บัดนี้ตั้งจักได้เป็นข้อยแห่งพราหมณ์ แลนา เตสํ อสุนีนํ น้ำตาแห่ง 2 เจ้าไหลอาบเฮ้าเฮ็วฮวย ตกลงอาบองค์ถืกหลังตีนพระบาท แห่งพระวรราชตุรงค์ น้ำตาแห่งพระองค์เวสสันตรราชพระบาทฮ้อนหึระทัย เหมือนดั่งหัวใจจักเปื่อยจักแตกฮ้อนฮ้ายแฮกในอุรา ด้วยเสน่หาธรรม คำฮักสุดขนาด โศกดอมลูกน้อยนาถโทมนัส ปริมชฺชนฺโต เจ้าก็ลูบยังหลัง แห่ง 2 กุมารคีค้อย ๆ กล่าวอิ่นอ้อยเอาใจแห่ง 2 เสน่หา อุฏฺฐาเปตฺวา ให้ลูกฮักทุกคนยืนขึ้นอยู่เฮียงกันช้องหน้าพระจอมทันปิตุราช พระบาทเจ้ากล่าวปราศัยว่า ดูราเจ้าลูกฮักพ่อ นามะหน่อสายใจ เจ้าจอมไตรทั้งคู่ ก็ฮู้อยู่เถิงหัวใจแห่งเฮาอันตั้งใจต่อโพธิญาณ มักพร่ำเพ็งบารมีบ่ขาดตั้งแฮกแต่ชาติอันเกิดมาหากเป็นธรรมดา แห่พุทธังกูลโพธิสัตว์ บัดนี้เจ้าพี่น้องทั้ง 2 ก็ฮู้ว่าเป็นของแพงล้ำยิ่ง ฮักขอดขิ่งเสมอตา เจ้าทั้ง 2 จงยังบารมีธรรมแห่งเฮาพ่อ ให้แล้วให้เถิงยอดแก้วสัพพัญญูก็พ่อเทอญ แล้วจึงคาดค่าลูกฮักอัคคะบุตรทั้ง 2 เหมือนดั่งทำนองพ่อค้า ยืนกดค่าจักขายงัว ตัวบ่ดีกดค่าน้อย ตัวสมควรตัวคำนวณเอาค่ามากให้สมควรเสมอกัน พระจอมทันจึ่งกล่าวว่า ดูราชาลีนามโคตรเจ้าอยากพ้นจากโทษอันเป็นข้าออกเป็นไท พ่อจักกำหนดไว้แก่เจ้า นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา เจ้าจงให้ยังคำพันนิกขาแก่พราหมณ์ แล้วจึ่งเป็นไทก็พ่อเทอญ ภคิณิปิโข สวนดั่งนางกัณหาน้องเจ้าฮูบบ่เศร้าสมสะอาดธรรมชาติลูกกษัตริย์ คนผู้มีสมบัติอยากได้ ให้เข้าของเล็กน้อย ช่อยเอาไป จักเสียวิสัยขัตติยะชาติฝูงขัตติยะราชกษัตตา จึ่งจักหาเข้าของแลสิ่งแลฮ้าย เหตุดั่งนั้น นางเจ้าน้อยกัณหา ภุชิสฺสา โหตุกามา มัคใคร่ออกเป็นไทพ้นวิสัยอันเป็นข้อย พ่อจักกดค่าไว้บ่น้อย แลสิ่งแลฮอยเจ็ดประการ คือว่า ข้ายิงก็ฮ้อย ข้าชายก็ฮ้อย ช้างก็ฮ้อย ม้าก็ฮ้อย งัวอุสุภราชก็ฮ้อย แม่งัวนมก็ฮ้อย คำมะนิกขะก็ฮ้อย ให้เข้าของมีประมาณเท่านี้แก่พราหมณ์แล้ว นางแก้วเจ้าน้องกัณหา จงเป็นไท ก็พ่อเทอญ เอวํ กุมารา อคฺฆเปตฺวา เมื่อพระเวสสันดรดาบสกดค่าลูกฮักอัคคเสน่หา เล้าโลมจาระงับบ่ให้โคกเศร้า จึงพา 2 เจ้าเข้าสู่ศาลา อามนฺเตตฺวา   เฮียกพราหมณ์มาบ่ช้า   กล่าวต่อหน้าพราหมณ์ว่า   ดูราพราหมณ์เฒ่าอันว่าลูกเต้า 2 เสน่หา เป็นที่ฮักเสมอตาล้ำยิ่ง พ้นจากสิ่งจักประมาณ แท้ดีหลี ด้วยมีแท้ผะหยาสัพพะญุตตะญาณดวงประเสริฐ ก็ยิ่งฮักล้ำเลิศกั่ว 2 กุมาร เฮาจักให้เป็นทานบัดนี้ว่าแล้วพระตนแก้วหลั่งน้ำใสมือพราหมณ์ให้   2 กุมารทั้งคู่ไปอยู่กับตาพราหมณ์ ก็มีแล

 

                ตมติถํ ปกาเสนฺโต พระเจ้าจักไขอัถถาธรรมภายหลังนั้นมาให้แจ้ง พระจึงแสดงเทศนาเป็นไนยะคาถา ว่า ตโต กุมาเร อาทายฺย ชาลี กณฺหาชินํ จุโภ ดั่งนี้เป็นเค้า ภิกฺขเว ดูราภิกขุสงฆ์ ตนทรงสีลาวิโรจน์พระบรมวงศ์โพธิเวสสันดร พา 2 บังอรออกมาโดยชมชื่น ยกยื่นให้เป็นทาน แก่พราหมณาจารย์ผู้ถ้อยเฒ่า ใจของเจ้าบ่หวั่นไหว เอิบอิ่มไปด้วยปิติบ่ขาด ชมชื่น ยกยื่นให้เป็นทาน ยกมือขึ้นเหนือขะหม่อมน้อมนมัสการ เชิ่งปุตตะ บริจาคทานแห่งตนอยู่จีไจ้ ๆ ยทา ในกาละยามใด พระสุทธาแผ่นดินหลวงทั้งดอยดวงสุดขนาด จักตั้งอยู่บ่ได้ ก็สะเทือนสะท้อนโอยอ่อนเอนไปมาสุทธะหยิ่ง น้ำสมุทรตีฟองยองยะเยือก ขำเขือกปวนไปมา ปูปลาแลนาคครุฑ เทพบุตรเทพดา เอกโกลาหลํ   เสียงอุกขะหลุกหมี่นัน อัศจรรย์เกิดแต่ธรณีตีขึ้นเมือบน จนเถิงอกนิฏฐาพรหม เสียงระงมคีคลื่น อินพรหมชื่นสาธุการทุกแห่งหน ห่าฝนก็ตกลงมาบ่ขาด สายฟ้าฟาดสะวัดสะเหวียง แผ่นดินดังบ่ขาด อุคคะนาสก้องเวหา เสียสาธุการส่งขึ้นเท่าฮอด อกฺนิฏฺฐาพรหฺม แต่ลวงกลมคีคลื่น ฟาดฝั่งพื้นภูพะนัง เหมือนจักเพพังลงแตกแหล่งแห่งดอยหิมะเวส ด้วยเดชแห่งทานพระกษัตริย์เจ้า สัตว์ 4 เท้า อันยายยั้งอยู่ทุกหมู่ไม้ไพรพระนอม เขาสอระคุงคา คูหาหิมเวสเขตเขาวงกตคีรี มีราชสีห์เสือสาง กวางทวยแฮดฮ้องก้องนีระนาสทัวระงมสมกับด้วยเสียงแผ่นดินดังคีคลื่น ตื่นสาธุการ เชิ่งทานบุพพิตาเจ้า ก็มีแล ตทา ในกาละยามนั้น บั้นเวสสันดรวระกษัตริย์ วตฺวา ก็กล่าวว่า สุทินฺนํ วต เม ทานํ สวนดั่งทานอันกู หากได้ให้นี้ตั้งบริสุทิ์ดีวิเศษ เป็นเหตุจักให้แล้วประโยชน์ โพธิสมภารบ่ขาดเต็มดั่งชาติพุทธังกูลโพธิสัตว์ เจ้าก็ทอดพระเนตรหล่ำหลิ่งดูบ่ขาดยังลูกน้อยนาถ 2 เสน่หา อฏฺฐาสิ ก็สถิตอยู่แยงลูกแก้วทั้งคู่เทียมตา ก็มีแล ฯ


กุมารบั้นปลาย กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้อเรื่อง

 

ชูชโกปิ   เมื่อนั้นส่วนดังชิณณพราหมณ์มันได้แล้ว   ยังลูกแก้วพระกษัตตา   ปวิสิตฺวา   เข้าไปโดยพลัน วนคุมฺพํ   สู่อุมคุมป่าไม้   แลหนามดิน   ฉินฺธิตฺวา กัดเอาเคลือเขาหัน   ทนฺเตหิ   ด้วยแข่วได้แล้วแลนำมา   พนฺธิตฺวา   ผูกมัดฮัดพันธะนัง   หตฺถํ   ยังแขวนเบื้องขวาแห่งท้าวพระชาลีพี่อ้าย     ฮัดกับแขวนเบื้องซ้ายแห่งนางน้องแก้วกัณหา   คเหตฺวา   มันก็ถือเอายังเงื่อนเคลือเขาแข็งขนาดฟาด   แล้วแลตีไปสองพระเนตร อันพระเวสสันตรกษัตริย์เจ้ายังหลำหลิงดูมีแล   ฉวิ   อันว่าผิวหนัง   เตสํ   แห่งเจ้ากุมมารทั้งสองก็ขาดบาดใน   ที่อันพราหมณ์หากฟาด   เลือดหย้อยหยาดเป็นถัน   อญฺญมญฺญํ ปฏฺฐึ   เทนฺติ   เทียนย่อมไห้หย้อยหยั่งเชิ่งกันไปมา   คือว่าท้าวพระชาลีเห็นพราหมณ์น้องนาด   เอาหลังกาดฮองตางพ่อมีแล   ชูชโกปิ   ส่วนดั่งหนทางเทียวเหวหาด   พราหมณ์เฒ่าล้มพะลาดเทิงผา   ปกฺขาริตฺวา   เคลือเขาแข็งก็หลุดฉุดออกจาก ศอกสองขา   ปลายิตฺวา   แล่นหนีย้านพราหมณ์ตีฮ้องไห้   ข้าบ่ช้าอ่วยหน้าต่อศาลา  น้ำตาตกย้อยหยั่งไหลหลั่งออกยมนา ปกฺกามุงฺ   ก็เข้าไปสู่เขตแห่งพระเวสสันตรกษัตริย์   อสตฺถา ว ปตฺตํ   ก็มีตนอันสะบั้นสั่นสายไปมาเหมือนดั่งต้นไม้โพธิ์ ใบยังอ่อน   กิ่งก้านฮอนปกบางเกิดฮิมทางพิลาด ลมหลวงฟาดสาขาให้หวั่นไหวไปมา   โรทนฺตา   ฮ้องไห้ไหว้พ่อแก่นไท้แห่งตนว่า ตาต   ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า   สา อมฺมํ   แม่มัทรีเผื่อข้าแม่กำพร้ายังทัวระเทียว   ในไพรเขียวป่าไม้ป๋าลูกไว้พายหลัง สายํ แม่ก็ยังจักมาในกาละ   เมื่อยามเย็นขอให้เผือข้าได้เห็นหน้าแม่กำพร้ากินนม   พอให้แม่ได้ชมสิ่งจูบพอให้แม่ได้ลูบล้างอาบสงสี   มีทั้งสุระพีพวงเพ็ดฮ้อยทัดเกษเกษา   กินผลามุลมากลูกไม้หลากอัมพา   ปสฺสม   ขอให้เผื่อข้าได้เห็นหน้าแม่กำพร้ายามเดียวก่อนบ่เป็นสัง อยํ พฺราหฺมโณ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ วิกิเนยฺย วา   แม่นว่ามันจะขายก็จงให้มันขายแลกเงินคำแลช้างม้า   หเนยฺยวา   แม่นว่ามันจักฆ่าก็จง ให้มันฆ่าตามใจมักแห่งมัน   ทุกข์อันใดแวนยิ่งอดสู่สิ่งบ่สงกา ปสฺสาม   ขอให้เผื่อข้าใดเห็นหน้าแม่กำพร้ายามเดียวก่อนก็ข้าเทิน ตาต ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า   อยํ พฺราหฺมโณ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ พลงฺคปาโท   มีฝ่าตีนอันใหญ่เล็บมันไข่หมหนอง   หนังมันพองยานหย่อนพวงชึ้นก้อน คือถง   ทีฆรุทฺโท   มีฮิมสบเบื้องเทิงยาวยื่นแข่วพนลื่นเป็นงา   เมื่อมันจาอ้าปากน้ำลายหากไหลตก ภคฺคนสกฺโก   ดังมันหักทั้งบูมใหญ่ท้องมันไข่ท่อไหไพ   เมื่อมันไปมันไกวไปโอนเอะโอนเอ้น   โหยนเหย้นไปมา   ภคฺคนปิฏฺฐิ   หลังหักขดคอโกม แอวหักโหงมคือผี   วิสมา จกฺขุ   ตาบ่ดีน้อยใหญ่บ่ใสแมนตาคน   คือดังตาแมวโพงสักสาด   วินาตฺโต   ตีนมือขดโงเง่า   ทั้งหัวเข่าแลแข่งขาเทียวไปมาดูหลั่น   เนื้อคีงสั่นขนแข็ง   หริตา   เกสาผมมันแดงแกมหงอกหนวดพ้น     ออกชุยชาย   วิรินํ   ติรกาหโต   คิงมันลายเป็น   ตุ่มหิดกากชุมผีไฟพาหวาใหญ่   วิใสพ้นขนาดธรรมชาติมาคัวแม่นผีป่าสะม้อยดง   ทาเรนฺโต     ทรงลีลาพิเศษกับเพศหน้าเป็นพราหมณ์คนผู้ใด๋ถามว่ามันผู้นี้   จักแม่นผีหลือฮู้วjาแม่นคนแท้   เพิ่งแก้ว่าแม่นผียักษ์หนังเหนียว   เทียวไปมาบ่เหือดมีชิ้นเลือด   เป็นอาหารเขาขอทานได้แล้ว   เอาลูกแก้วพ่อไปกิน   ดังลือ   พระนรินทร์เอย   เล่ามาคอยดูได้ยังลูกแก้วแก่นไท้ทั้งสอง   อันเป็นทุกข์คองเห็นหน้าพ่อกำพร้าสั่งมาอยู่เย็นใจนี่จานอ     อสฺสมา หิ นุน หทยํ     ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้าส่วนดังหัวใจแห่งพ่อแลแม่นี่เทียนยอมอ่อน   มุทุ   ฮู้อิดูกุณายังลูกเต้า   ส่วนดังหัวใจแห่งพ่อเป็นเจ้านี้ สั่งมาเป็นอันกระด่าง   แก่นแข็งเหมือนดังปแผ่นเสลาก้อนใหญ่   เชือกเหล็กไส   พนฺธนํ นชานสิ   บ่ฮู้ว่าเผื่อข้าพี่น้องอันบ่มีโทษ พราหมณ์สาโหดหากก่อนตีดังลือพ่อมายินดีอยู่ได้ นีจา   ตาต   ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า   กณฺหาชินา   ส่วนดังนาง น้อยนาทกัณหาแต่เกิดมาบ่มีทุกข์สักหยาด บัดนี้เหมือนดั่ง ลูกน้อยขาดเขินนม นั่น แล นา   อิเทว   อสฺสตุ   จงให้อยู่ในกู่แก้วศาลา   ถ้าแม่มาดาเห็นหน้าแม่กำพร้า กินนมก่อนก็ข้าเทอญ   เอวํ วจเน     ในเมื่อได้ยิน ถ้อยคำดังนั้น   อันท้าวพระชาลีฮ้องไห้ไหว้พ่อแล้วแลหนีไปดังนั้น บั้นพระวอระปิตามารดาแก่นไท้   อันจักฮ้องไห้อยู่ภายหลัง   อาห   ก็กล่าวว่า   นเม อิทํ ตถา ทุกฺขํ   ทุกข์อันใดออันเทียวในวัฎฎะสงสารหลายชาติ บ่ห่อนขาดจากพันทะนา หากเป็นธรรมดาแห่งผู้ชายในโลก   บัดนี้ท่อยังโศกดอมน้องกัณหา แต่เกิดมาบ่มีทุกข์สักหยาด บัดนี้มาปราศจากแม่ลุ่นหลัง   ยญฺจ อมฺมํ น ปสฺสามิ   ทุกข์อันใดอันบ่ได้เป็นหน้าแม่กำพร้าอันอยู่ลุ่นหลัง   ตํ เม ทุกฺขํ ตรํ   ทุกข์อันนั้นแควนเป็นทุกข์อันล้ำยิ่งพ้นขอดสิ่งเหลือใจ   ยํ ทุกฺขํ   ทุกข์อันพราหมณ์มาด่าฆ้อน มันผ่ากลางหลัง   ตํ ทุกฺขํ   ทุกข์อันนั้นก็ฮู้ว่า เป็นทุกข์ของผู้ชายในโลกทุกข์ยากโศกเหลืออด   อันพราหมณ์ตีลำบาก เวรหากให้แต่ภายหลัง ยญฺจ ตาตํ   น ปสฺสามิ   ทุกข์อันใดอันบ่ได้เห็นหน้าพ่อกำพร้าอันอยู่ลุ่นหลัง   ตํ เม ทุกฺขํ ตรํ ทุกข์อันนั้นแควนเป็นทุกข์อันล้ำยิ่งพนขอดสิ่งเสมอตาย ก็ข้าแล   สา   อมฺมา   แม่มัทรีกำพร้า บ่เป็นหน้าลูกกัณหา งามโสภาชื่นช้อยทุกข์ยากห้อยหัวใจ   ทุกข์ภายในหิวฮุ้ง แม่จักไห้คืนฮุ่งเถิงสวย จีรํ รตฺตาย รุจฺฉติ แม่จักคิดหาเสี้ยงวันคืน คีค่อย ๆ เหมือนดั่งแม่น้ำน้อยขาดเขินทราย นั้นแล นา   โส ตาโต   พ่อผู้นั้น   อปฺปสนฺโต   อันบ่ได้เห็นหน้าลูกกำพร้า กันหางามสุดตาแก้วกิ่ง ฮักยอดยิ่งหัวใจ ทุกข์ภายในหิวหอด พ่อจักหอดคีงตาย   จิรํ รตฺตาย รุจฺฉติ   พ่อจักให้เถิงสวยคืนฮุ่งคั่งแคนฮุ่งราตรี   เหมือนดั่งชลทีหิวหอดแห้งไข่ขอดเขินทรายนั่น แล   นา   กณฺเห เอย ดูราน้องกัณหา   อิเม เต ชมฺภู รุกฺขา   อันว่าไม้ทั้งหลายฝูงนี้   คือว่าไม้ชมพู ไม้หว้าเอ็นอ้า   แลยางพายปลายปงใบชื่นช้อยกิ่งน้อย   สร้อยสาขา   อสฺสตฺถา ปนสา เจเม   คือว่าไม้ป่าแป้งใหญ่ลำกลม ขนุนยมไฮเฮือก หมากขวิดเผือกทอง  ผานิ   โครฺธา   แสนสาขาไม้นิโครธ   ใบช้อยโชติดกหน้า   วิวิธานิ รุกฺข ชาตานิ   ชาติไม้ทั้งหลายมีประการต่างๆ อันเกิดเหนือหว่างปลายผา   สหาม   ฮาพี่น้องก็จักได้ละป๋าไว้ ยังป่าไม้แลหนีไป   อชฺช ในวันนี้แล นา กัณเห เอย   ดูราน้องกัณหา   อิเม อารามฺเม  อันว่าอารามทั้งหลายฝูงนี้   สีตุทกา   มีน้ำเย็นใสส่องดอกก้านก่องบัวบาน   เป็นสถานอันเฮียงฮาบฮาพี่น้องเคยอาบเล่นอยู่เย็นใจ   วิวิทานิ ปุพฺผาชาตานิ   ชาติดอกไม้ทั้งหลายมีประการต่าง ๆ อันเกิดเหนือหว่างภูผา   ทาเรม   ฮาพี่น้อง เคยปิดลงแกมกิ่งดอกไม้สิ่งหลายวรรณ ประดับเป็นถันพวงเพด ฮ้อยทัดเกษเกษา สหาม ฮาพ่น้อง ก็จักได้ละป๋าไว้ยังดอกไม้แลหนีไป อชฺช ในวันนี้ แล นา กณฺเห เอย ดูราน้องกัณหา   มยํ   อันว่าเฮาพี่น้องทั้งสอง   ภุญฺชม   เคยกินลูกไม้ต่างอาหาร อันสุกหวานลำยิงพร้อมทุกสิ่ง   อมฺพา   สหาม   เฮาพี่น้อง ก็จักได้ละปะไว้ยังป่าไม้แลภูผา   ทั้งผาลาพวงเพดเครื่องวิเศษหิมพาน ทั้งสถานที่อยู่ที่นอน   อชฺช ในวันนี้ แลนา กณฺเห เอย ดูราน้องกัณหา   อิเม รูปา   อันว่าฮูบทั้งหลายฝูงนี้   หตฺถิกา อสฺสา   คือว่าฮูปช้างใหญ่งางอน ฮูปอัสดรเดินอากาศฮูปงัว   อุสสุภราชอยู่เวหา อันพระวรปิตาแก่นไท้   ควัดฮูปไม้ให้แก่ สหาม ฮาพี่น้องก็จักได้ละปะไว้ยังฮูปไม้แลหนีไป ทัวระไวเป็นข้า   ก้มหน้าต่อนำพราหมณ์   อชฺช   ในวันนี้แล นา  

 

กุมารบั้นปลาย กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้อเรื่อง

 

                เอวํ   กุมาเร   ปริเทว มานํ   ในเมื่อเจ้ากุมมารทั้งสองพี่น้อง   อันยังผงฮ้องไห้บ่ขาดสายแลมีดังนั้น   บั้นชุยชะกะพราหมณ์มันตามมาบ่ช้า   จับเอาลูกเจ้าฟ้าพระยาเวสสันดรแก่นไท้ จับได้แล้วแลนำไป ส่วนดังสองสีไวพี่น้อง ก็ฮ้องไห้ไหว้พ่อแก่นไท้สิ่งไว้ถ่าแม่กำพร้าอันอยู่พายหลังว่า   ตาต   ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า   ตวํ   อันพระวอระปิตาเป็นเจ้า   สุขี   ภวํ จงคอยอยู่ดีเยออย่าได้โศกเศร้า   อย่าได้คิดเถิงลูกเต้า   อันอยู่ภายหลัง   อโรคยํ   วชายาสิ   พ่อเป็นเจ้าจงเล่ายังสาภาวะแห่งเผื่อข้าพี่น้อง   อันบ่ได้ต้องพยาธิ อันใดท่อเป็นทุกข์ภายในลำบาก   พราหมณ์เฒ่าหากควรชัง   อมฺมํ   แก่แม่มัทรีเผื่อข้าแม่กำพร้าคืนมา   แม่จักเห็นศาลาอันเก่าเป่าจากลูกทั้งสอง   แม่จักครองคิดเถิงลำบากทุกข์ยากฮ้อนเฮหา   อิเม รูปา   อันว่าฮูปทั้งหลายฝูงนี้ คือว่าฮูปคุชสิงห์งามไวแวน   ฮูปม้าแล่นเหาะเหิน   ฮูปงัวเดินชมแม่เผื่อข้าพี่น้องน้องเคยแก่เล่นสู่วัน   ขอแก่พระจอมทันเจ้าฟ้า   จงเล่าให้แก่แม่เผื่อข้า พอให้เห็นหน้าลูกกำพร้าทั้งสอง   แม่จักหายคำครองคิดโศก   ระงับยังวิโยคทุกข์แล้วอยู่เย็นใจ   บัดนี้บ่มีไผจักมาเถิงใจโลมลูบ   ชมแล้วจูบจอมขวัญหนีไปไกลพระจอมตรัยเจ้าฟ้า   กับทั้งแม่กำพร้ามัทรี   เดินคีรีฮาวเถื่อนท่อแต่พี่แลน้อง   หากจักเบียนกันไปตามวิสัยผีบริสาด   ไปภายหน้ามันจักยาดกวนกิน   ค่อยอยู่ดีเยอ พระนรินทร์   เอย   แก่นเหง้า     อย่าได้คิดโศกเศร้าคนิงหา   เผื่อข้าเดินมรรคคาลำบากพราหมณ์เฒ่าหากกวนตี   แม่นจักมีชีวิตก็ยังยากทุกข์ลำบากเหลือตายก็ข้า แล   อถา ในเมื่อเจ้ากุมารทั้งสองพี่น้อง   ฮ้องไหไหว้พ่อแล้วแลหนีไปดังนั้น   พลวโสโก   โศกอันมีกำลัง อุปฺปนฺนํ   ก็เกิดมีแก่เวสสันดร วรกษัตริย์ตนวิเศษ   เหตุปรารภเชิงลูกฮักอัคคะเสน่หา หทยํมํสํ   พระราชหระไท้ฮ้อนปานไฟ   สุดขนาดบ่อาจจักทำนงค์ทงตนอยู่ได้ยังวิโยคทุกข์   อุคคะลุกกังวลในใจบ่ขาด   เหมือนดังช้างสารตัวขนาดใหญ่เมามัน   อันราชสีห์เข้ามาทันกุมฟาด   ช้างใหญ่อาจอ่อนโฮยแฮง   ผิวา บ่เป็นดังนั้นเหมือนดังพระจันทร์แสงบ่เศร้า   อันเขาลูกอำนาจแห่งปากราหูตัวดำ ๆ   กปฺปมาโน   มีตนอันสะบั้นหวั่นไหว   เต็มไปด้วยทุกข์สุดขนาดโศกดอมลูกน้อยนาททั้งสอง ปวิสิตฺวา   เข้าไปพายในพระปัณณะศาลา   อารพฺพ   ก็ปรารภเชิงลูกฮักอัคคะเสน่หา   ทรงโสกาวิโยคทุกข์   อุกคะลุกในใจบ่ขาด   น้ำตาหยาดไหลตกคิดคำทุกข์คีค่อย ๆ ไห้หาลูกน้อย   ควรอิดูกุณากล่าวเป็นคาถาฮำไฮยมย้อยว่า   กํ   นวชฺช ตาต สิตา อปฺปรุจฺเชตฺตี   ดังนี้เป็นเค้า ว่า โอ นอ   กาละบัดนี้เป็นเวลาอันค่ำ ตาวันตกต่ำลับจอมผา เป็นเวลาเด็กน้อยลำบากยากลูกไม้แลหัวมัน   พ้นวิสัยจักกำสุดขนาด   อุปฺปรุจฺเชตฺตี   จักเข้าไปใกล้แล้วแลไห้ฮ้อ   เชิงผู้ใดนีจานอ   สายํ    เป็นเวลาเย็นลำบากลูกแก้วกูนี้ยากอาหาร   แลจักเข้าไปขอทานด้วยคำว่า   ตาต   ข้าไหว้พ่อแลเแม่เป็นเจ้า   มยํ   เผื่อข้าพี่น้องเกิดฮ่วมท้องแม่ผู้เดียว   เทียวทางไกลลำบากอยากชวดพ้นประมาณ   เทถ   เจ้าทั้งหลายจงให้เข้าแลน้ำเป็นทาน แก่เผื่อข้า   อันเป็นกำพร้าพลัดหน้าพ่อแม่เดินมานี้เทิน   เมื่อลูกกูแลขอดังนั้น   บุคคลผู้ใดแลจักมีใจอิดูกูณา สองขาเจ้า     ปั้นเข้าใส่มือขวาบิปลาใส่มือซ้าย ให้สองน้องอ้ายอิ่มหายหิวนีจานอ ทารกา ลูกแก้ว พ่อนา กษัตริย์ตา อนุปาหา นางเคยอยู่สุขสำราญ ในสถานปางผาสาทธรรมชาติเป็นกษัตริย์บัดทัดนี้ มาเป็นทุกข์   สุดขนาดปราศจากยัวยาน   เทียวกันดานวันค่ำ ตีนน้อยย้ำภูผา มีผ่าตีนอันสุก เป็นหนองพองเป็นน้ำช้ำเป็นเลือดทุกบ่เหือดพราหมณ์ตี จักมีผู้ใด๋ฮักเหมือนดังพ่อ ชมชื่นต่อบายแขนนี้จานอ   อยํ พราหฺมโณ   อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ตั้งสาโหดแท้ดีหลี อลชิตํ บ่ฮู้ละอายสัง ปาหารํ ดังลือแลมาตียังลูกแก้วกูนามโคตร   อันบ่มีโทษสักหยาด ค้อนมันฝาดกลางหลัง พราหมณ์อิสังมันหาความละอายบ่ได้ นีจา   ทาสียา   ยังมีข้ายิงกูอันอยู่กลางผาสาทธรรมชาติทาสี มันหากมีบ่ไฮ้ไถ่ข้อยไว้เนื่องนอง ข้อยผู้ถ้วนสองนั้นเล่า ยังมีข้อยนับด้วย ฮ้อยเติมตามข้อยผู้ถ้วนสามสมบัติมีมวลพร้อม ไถ่ข้อยอ้อมตางตา   เป็นทาสาชั้นถ้วนสี่นับเป็นที่ห่างไกล คนฝูงใด๋ย้าน อาชญากลัวผิดยอมคิดว่าชายผู้นี้ หากเป็นข้อยแห่งพระภูบาน เฮาบ่ควรปะจานด่าป้อย เหตุว่ามัน เป็นข้อยผู้ใหญ่ควรย้ำ คนทั้งหลายเขาก็ย้ำยังกูสุดขนาด มาตตาว่า ข้อยกูผู้ถ้วนสี่เขาก็บ่ด่าบ่ดี   อลชฺชี วต พราหฺมโณ พราหมณ์ผู้นี้ตั้งเป็นอลัชชี   ดังลือ แลมาตีลูกแก้วพ่อ ต่อหน้าแล้วแลหนีไปนี้ จานอ วา รีชสฺเสว เม สตฺโต ยามเมื่อเทียวสงสารเจียระการยาวยิ่ง นับด้วยสิ่งอสงไขย์   ท่องเทียวไปบ่คาคาด ทุกชาติ ผำเพ็งมาเหมือนดังปาเทียวเทศเข้าสู่เขตชลธี เขาไซดีเคียนคาดบ่อาดจักม้มจากที่อันขัง ลูกกูยังฮ้องไห้วิงวอนอยู่จีใจ ๆ พราหมณ์บาปฮ้ายบ่อิดูกูณา ด่าเวย ๆ ต่อหน้าพ่อ   อันยังหลิงหลำต่อบ่กลัวขามนี จานอ   คำติคนิง หิงฺสนาทิบาท อันหนึ่งลวดเกิดมีแก่พระรัสสีตนวิเศษ เหตุปรารภ เชิงลูกฮักอัคคะเสน่หา ด้วยความจินดาว่าพราหมณ์ผู้นี้ ตั้งมาเบียดเบียนยังเจ้ากุมารทั้งสองสุดขนาด กูบ่ อาดจักอดได้แก่มัน มากูจักถือเอาธนูให้คัด ขัดสีคันไซเบียงซ้าย แล้วแลไลไตตาม ยังพราหมณ์ผู้นี้ ฆ่าเสีย แล้วเอาลูกแก้วกูคืนมา เท่าวันเทิน   คันเจ้าฮำเพิงดังนั้นแล้ว จิงมาฮ่ำเพิงเมื่อพายลุนว่า อฏฺฐาเมตํ กิยา อันพราหมณ์หากมา เบียดเบียนยังเจ้ากุมารทั้งสองนี้ก็ฮู้ว่า เป็นทุกสุดขนาดชาติให้ทานแลกผญาสัพพญุตตะญานอันประเสริฐ   มาบังเกิดความ เดือดฮ้อนกินแหนงแพงไว้เมื่อพายลุนบ่ดีบ่ เป็นประเวณีแห่งสัพปุริสาเจ้าทั้งหลายแต่ก่อน บ่หอนให้ยังมหาบริจาค 5 ประการเป็นทานแลจัก ได้เป็นพระก็บ่มีสักองค์แต่พายหลัง อหํ อันว่าตนกูนี้หากมีบารมี ได้ผำเพ็งมาบ่ขาดปรารถนามาแต่เค้า กดเข้าในโพธิสัตว์ อสฺสเสตฺวา แลบ่ได้ให้ยัง ลูกฮักอัคคะเสน่หาเป็นทานก็บ่อาจจักได้เป็นพระแท้ดีหลี   เจ้ามีพระราชจินดา หาประเวณีติดต่อ หนอโพธิสัตว์ อสฺสเสตฺวา เจ้าก็ยัง สั่งสอนยังตนให้บริสุทธิ์   อุตฺตริตฺวา ออกมาจากพระปันนาศาลามีความ จินดาชมชื่นบานอธิฐานใจให้มั่นด้วยดี   นิสีทิ   ก็สถิตอยู่แทบปะตูกู่แก้วพระปัณณะศาลา ก็มี แล  

 

กุมารบั้นปลาย กัณฑ์ย่อยที่

 

เนื้อเรื่อง

 

กุมารา เมื่อนั้นบั้นเจ้า กุมารทั้งสองพี่น้องอันพราหมณ์ตีบ่ขาด บ่อาจจักอดได้ก็ฮ้องไห้ต่อน้องแห่งตนว่า สจฺจํ กิเรวมาหํสุ   ดูราน้องกัณหา คนทั้งหลายบางผ่องในโลกนี้กล่าวไว้ ว่าเด็กน้อยผู้ใด๋ตั้งแฮกแต่เกิดมา   บ่มีแม่มารดาอ้อยอิ่น   ทุกข์หนักสิ้นขนขวาย   แม้นว่ามีชีวิตก็ หลำตายลำบาก อดเยื้อนยากหอดหิวนมคำบรมว่าไว้ บัดนี้ก็หากมาได้แก่ฮาพี่น้องทั้งสองนี้ แล นา กัณเหเอย ดูราน้องกัณหา มยํ อันว่าฮาพี่น้องทั้งสองก็มาหม่นหมองด้วยความทุกสุดขนาด เหตุมาปราศจาคแม่อันอยู่รักษาเล่าโลมจาอิ่นอ้อย  ชมลูกน้อยสิ่งสายใจ มริสฺสาม ฮาพี่น้องจักตายบ่คาคาด เหตุว่าปราศจาคแม่มัทรี   อตฺโถ   อันว่าประโยชน์ด้วยชีวิตอินทรี ก็บ่มีแก่ฮาสักหยาด เหตุว่าปราศจาคแม่มารดา อันพระวอระปิตาแก่นไท้ หากให้เป็นข้าใช้แก่พราหมณ์ผู้สาโหด เหตุประโยชน์โลบล้นพ้นชูชี สมฺภติ มันจักตีฮาไปบ่อยาก เหมือนดังจ่าเลี้ยงงัวผู้ใจบาป ค้อนมันผาบแลตีไป   ยังงัวไวหนุ่มน้อย ระห้อยแล่นตามกันนั้น แลนา กัณเห เอยดูราน้องกัณหา   สหาม   ฮาพี่น้องก็จักได้ละป๋าไว้ยังป่าไม้แลภูผา   ทั้งศาลาแลท่ากว้างทั้งฮูบ

 

ช้างแลหนีไปทัวระไวเป็นข้า   ก้มหน้าต่อนำพราหมณ์   อชฺช   ในวันนี้แลนา

 

ชุยฺชโกปิ ส่วนดังทางเทียวไปห่อมหาด พราหมณ์เฒ่าพลาดล้ม เหนือดินแก่นแผ่นกระดาน ดังคีคุบคีคาบ ในทีอันบ่ฮาบภูพนัง เคลือเขาอันผูกมัดฮัดพันทะนังก็หลุดชุดออกจาก ศอกสองเสน่หา มีกายยาอันสะบั้น หิวหอดกันแล่นคืนหลัง เข้าไปสู่สำนักแห่งพระวอระปิตาเจ้าฟ้า ก้มหน้าต่อบาทามีตนอันสะบั้นสั่นส่ายไปมา เหมือนดังเสนาตัวเยียววอด สับตอดไก่ ทั้งเป็น มีตัวอันสั่นฮ้อนฮายปั่นไปมาแท้ ดีหลี   ส่วนดังชินะพราหมณ์มันบ่ช้า   ฮีบนุ่งผ้าชุยชาย อุฏฺฐาย ลุกโดยพลัน มืองกงันถือเคลือเขาแลไม้เท้า แล่นเข้าไล่กุมาร เหนือกระดานดังตีตุบตีตาป มันกำฮาบ ครอบงำนำกุมารบ่ขาดเหมือนดังยามเดือน 5 ไฟไหม้ห่าลามผาด้วยวาจาอันหยาบ ว่าเขือทั้งสองนี้นาตั้งฉลาดฮู้แล่นหนี กูยิ่งตีก็บ่เข็ดบ่หลาบแท้นอ ในเมื่อ เจ้ากุมารทั้งสองพี่น้อง   พราหมณ์เข้าไปผูกค้องได้แล้วแลนำหนีดังนั้น บั้นนางน้อยนาทกัณหา นิวตฺติตฺวา อวยหน้าฮ่อ ไหว้ยังพ่อแห่งตนว่า อยํ มํ ตาต พฺรหฺมโณ   ข้าไหว้พ่อเป็นเจ้า พราหมณ์เฒ่าฮ้ายเต็มที มันก็มาตีเผื่อข้าเหมือนดังสัตว์ ลฏฺฐิยา ด้วยเงือนเคลือเขาแข็งขนาด หลังข้าน้อยบาดเป็นฮอย ดังลือพ่อมาคอยดูได้ ข่อยแห่งไห้มันซ้ำบัดแห่งตี เหมือนดังทาสีชาวเชื่อข่อยข้าน้อยเกิดกลางเฮือนมันนั้นแท้ ดีหลี บ่แม่นพราหมณ์ดีสักหยาด ชาติพราหมณ์ ทั้งหลายนี้เทียนยามอีดูกูณา ยังเด็กน้อยทั้ง 2 สุดขนาด ดังลือพระบาทเจ้าสิไปให้แก่มันสัง อยํ พฺรหฺมโณ   อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ ยกฺโข ฮ้อยว่าแม่นผียักผีเผ็ด กับเพศหน้าเป็นพราหมณ์ มาถามขอเผื่อข้าไปพายหน้ามันจักหยาดกวนกิน   ขอแก่พระนรินทร์   เอยเจ้าฟ้า   จงเล่าแก่แม่เผื่อข้าอันเป็นกำพร้าอยู่พายหลังแด่ท่อน   กุมาริกาย ในเมื่อนางกัณหาฮ้องไห้ไหว้พ่อแล้วแลหนีไปดังนั้น พลวโสโก   โศกอันมีกำลัง   อุปฺปนฺนํ ก็เกิดมีแก่พระรัสสีเวสสันตะราชใจพระบาท   เจ้าฮ้อนปานไฟบ่อาจจักหันใจเข้าออกเป็นปกติได้ เจ้าก็หันใจทางปากฮ้อนลำบากโฮยแฮง มีน้ำตาอัน แดงปานต่อนเลือด ตกบ่เหือดไหลบ่ขาด ย้อยยั้งหยาดฮำตา เจ้าก็มีพระราชจินดาเกิ่งคลองแห่งนักปราชญ์   อันให้ลูกแก้งนาทเป็นทาน   ด้วยอาการดังนี้ว่า เอวรูปํ ทุกฺขํ ทุกข์อันมีสภาวะปานดังนี้ บ่ได้เกิดแต่เหตุอันอื่น ฮักลื่นล้นพ้นเป็นทุกข์   อุคคะลุกกังวนต่ำค้อย เหตุท่านถือว่าพราหมณ์ตีลูกน้อยของตน ท่านเป็นคนบ่ฉลาด   ชาติเป็นข้อยแห่งทานนี่ เทียนย่อมทุกข์ยากเหลือวิสัย   ท่านหากฮู้เต็มใจอยู่แล้ว เหตุใดท่านจิงให้ลูกของตนท่านเป็นคนให้ลูก แก้วเป็นข้าแก่ตาพราหมณ์   บัดนี้ สองนงฮามผ่านแผ้ว บ่แม่นลูกท่านแล้ว หากเป็นข้าแห่งตาพราหมณ์ เป็นไปตามวิสัยเจ้ากับข้า เขาหากด่าหากตีกัน ท่านบ่ควรรำพันเคียดค้อย บ่ควรเฮ็ดใจน้อยจง อยู่เป็นกลาง อย่าได้อาโภค อย่าได้คิดโศกเศร้าคนิงหา ยังสองโสภาพี่น้อง วิโนเทตฺวา เจ้าก็ บรรเทาเอายังเสียความทุกช์ในจิต นิสิทิ ก็สถิตอยู่แทบปะตู่กู่แก้วพระปัณณะศาลา หายความจินดาชมชื่นก็ มีแล   คิริทฺวาเร อปฺปสนฺเต   ในเมื่อเจ้ากุมมารทั้งสองพี่น้อง หายจากท่อง คีรีแลมีดังนั้น   บั้นนางน้อยนาทกัณหา   เจรจาฮวมฮ่อ ต่อท้าวพระชาลี ว่า ดูราพี่ชาลี มยํ อันว่าฮาพี่น้องเดินมรรคคาวันค่ำ ตีนน้อยย้ำภูผา ฑีโฆ จ มคฺคา หนทางไกลยาวยิ่ง ฮวมห้วยหลิงเหวชันมีทั้งภูผาตันเต็งช่อง   มีทั้งฮากไม้ย้องหนามหนา นิเจ โอลมฺพิเก สุริเย เถิ่งพ่อยาม ค้อยค่ำตาวันตกต่ำลับจอมผา เป็นเวลาเด็กน้อย   ผงอินอ้อยยากกินนม   บัดนี้บ่มีแม่มาชมสิ่งจูบบ่มีแม่มาลูบบ้างอาบสงสี ทั้งคันทีอันวิเศษ พราหมณ์เฒ่าผีเผดหากกวนตี แลนา ตาต ชาลี ดูราพี่ชาลี มยํ อันว่าเอาพี่น้อง โอทนฺทมเส เท่าจักขอวอนไหว้ยังเทพแก่นไท้ภูผา สิริสา ด้วยหัวแห่งฮาพี่น้องสุปติฏฺเฐ จ อาปาเก ยังเทพดาเจ้าทั้งหลาย ฝูงอยู่เฝ้ายังสาแลท่าน้ำทุกเถื่อนถ้ำแลดอยดิน ติณฺณลตานิ จ ยังเทพดาเจ้าทั้งหลาย อันรักษายังหย่อมหญ้าทั้งป่าไม้แลภูผา ทั้งต้นยาอันวิเศษในประเทศเขตป่าหิมพานต์ ด้วยอาการอันฮาพี่น้องจักสิ่งไว้ แก่เทพพระแก่นไท้ทั้งมวนว่า   โภนฺโต ดูราเทพดาเจ้าทั้งหลายเอย   มยํ   เผื่อข้าเป็นกำพร้าก้มหน้าต่อดาไป พ้นวิสัยพ่อพระยาเป็นเจ้า พราหมณ์เฒ่าหากกวนชั่ง   อโลกํ ยังเทพพระดาเจ้าทั้งหลายจงเล่ายังสภาวะการแห่งข้าพี่น้อง อันหาพระยาธิบ่ได้เท่าเว้นไว้แต่พราหมณ์ตี จงเล่าแก่แม่มัทรี เผื่อข้าสา อมฺมา แม่มัทรี แก่นไท้คันได้ยินแล้วยังลูกแก้วท่านนำไป   อนุปตฺเตยฺย จงให้มานำโดยพลัน ในหนทางอันนี้เป็นอันชื่อจื่อฮอยแล้วแลนำไตเต้า เข้าไปสู่ศาลา   สา อมฺมา แม่มัทรีแก่นไท้ก็จักได้เห็นหน้าลูกโดยพลัน อโห โอนอ อัศจรรย์ดีหลี สา อมฺมา แม่มัทรีเผื่อข้าชาตินี้ทรงผนวชขอดเกล้าเป็นชาฎา แม่ไปคัวแสวงหาหัวมันแลลูกไม้ หาได้แล้วแลนำมา ทิสฺวา แม่ก็จักเห็นศาลาอันเก่าเป่าจากลูกทั้งสอง แม่จักคลองคิดเถิ่งลำบากทุกยาก ฮ้อนเฮหา สา อมฺมา แม่มัทรี กำพร้าบ่เห็นหน้าลูกกำพร้าทั้งสอง แม่จักคลองตอมตายลำบาก แม่กำพร้าพรากไปหา มุลละผาลาหัวมันแลหมากไม้ ป๋าลูกไว้อยู่พายหลัง   สายํ   ตาวันเย็นลับป่าไม้แม่ออกไท้จักคืนมา ฮ่ำ ฮนหาคีค้อย ๆ ลูกน้อยเฒ่าพราหมณ์ตี เหมือนดั่งลูกคาวีลูกยังอ่อน ฮ้องเฮฮ้อนฮนหายังสองบุตตาอันหายจาก ลำบากฮ้องเฮฮน นั้น แล นา   ตาต   ชาลีดูราพี่ชาลี   มยํ   อันว่าฮาพี่น้องอันพราหมณ์หากผูกคล้องพันทะนัง อมฺมํ ปสฺเสมุ   วันนี้ฮาจักได้เห็นหน้แม่กำพร้ายามเย็น เป็นเวลาออกมาแต่ป่า บ่สงกา สา อมฺมา แม่มัทรีออกไท้ แม่จักได้เห็นพราหมณ์ตี พราหมณ์ราวี ฮาพี่น้อง แม่จักฮ้องไห้โทมะนัส ทชฺชา แม่จักให้หัวมันแลหมากไม้ อันหวานเป็นทานแก่พราหมณ์เฒ่า ให้มันหายจากความอยากเข้าให้ใจมันดี มันบ่ฮางว่าจักตีฮาไป พ้นวิสัยกว่าเก่า แลนา   ตาต   ชาลิ ดูราพี่ชาลีบาทาอันว่าฝ่าตีนแห่งฮาทั้งสอง ก็สุกเป็นหนองพองเป็นน้ำ ช้ำเป็นเลือด   บ่แห่งเหือดจักยามพราหมณ์ยิ่งตีจำแล่น สองแก้วแก่นเหลียวหลัง หวังจักเห็นแม่ออกไท้อันจักดันป่าไม้แล่นตามมาแท้ ดีหลี   เอวํ กุมาเร ในเมื่อเจ้ากุมมารทั้งสองพี่น้อง ไหว้เทศท่องคีรี คิดเถิ่งแม่มัทรีคีค้อย ๆ ละห้อยแล่นนำพราหมณ์วันนั้น แลนา กุมาร ปพฺพํ อันประดับประดา ไปด้วยพระคาถา 101 พระคาถา   นิฎฐิตํ   ก็เสด็จ   บรบวนควรเท่านี้ก่อนแล ฯ